ข่าว

ระทึก ตร. ระดมกำลังล่า "แก๊งเงินกู้" อุ้มพี่สาวลูกหนี้เรียกค่าไถ่กลางป่า

ระทึก ตร. ระดมกำลังล่า "แก๊งเงินกู้" อุ้มพี่สาวลูกหนี้เรียกค่าไถ่กลางป่า

10 ก.ย. 2567

ตำรวจอุดรธานี เข้าช่วยเหลือพี่สาวลูกหนี้ ถูก "แก๊งเงินกู้" บุกชิงตัวถึงบ้าน จับเป็นตัวประกันเรียกเงิน 200,000 บาท แม่ยืนยันดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ตร.สภ.ไชยวานร่วมกับตร.ภาค 4 ชุดสืบสวนภูธร จ.อุดรธานี บุกช่วยเหลือ น.ส.ติ๋ม อายุ 54 ปี ที่ถูกคนร้าย 4 คน ขับรถกระบะมาถึงบ้านพักและอุ้มขึ้นรถขับออกไป 

 

เจ้าหน้าที่วางแผนจนรู้พิกัด และบุกเข้าช่วยตัวประกันได้ที่ห้างนาในป่าใกล้วัดถ้ำสายบาตร ต.หนองกุงทับม้า อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี พร้อมกับยึดรถของกลางรถกระบะของกลางที่ใช้ก่อเหตุลักพาตัว และรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ส สีดำ และ อาวุธปืน

 

ส่วน น.ส.ติ๋ม เหยื่อที่ถูกจับไปเรียกค่าไถ่ถูกทำร้ายร่างกายด้วยด้ามปืนใบหน้าบูมเขียวช้ำมีอาการสาหัส ได้นำตัวส่ง รพ.วังสาม และส่งตัวรักต่อที่ รพ.กุมภวาปี

 

ระทึก ตร. ระดมกำลังล่า \"แก๊งเงินกู้\" อุ้มพี่สาวลูกหนี้เรียกค่าไถ่กลางป่า

10 ก.ย. 2567 พ.ต.อ.รัฐพลชัย เพ็ญสงคราม ผกก.สภ.ไชยวาน นำตัว 4 ผู้ต้องหา ประกอบด้วย เสี่ยโก่ย หรือนายบรรพจ อายุ 40 ปี ชาวอ.วังสามหมอ ตัวการวางแผนจับน.ส.ติ๋ม เรียกค่าไถ่ ,น.ส.จิรปรียา อายุ 36 ปี หรือ หนึ่ง ลูกสาวเสี่ยโก่ย , นายฤทธิชัย 31 ปี และนายพะเยาว์  ได้ขับรถกระบะมาอุ้ม น.ส.ติ๋ม อายุ 54 ปี จากบ้านพักใน อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี  มาทำการสอบปากคำเพิ่มเติมทีละคน

 

ต่อมานางแดง สิงห์ขรณ์ แม่ น.ส.ติ๋ม เล่าว่า เมื่อวันอาทิตย์ 8 ก.ย. ยายไปวัดถวายเพลพระอยู่ หลานชายวิ่งหน้าตื่นไปหา บอกยายว่า อีแม่มากลับบ้านเรา ตำรวจอยู่บ้านเราเยอะเลย ยายก็สงสัยทำไมตำรวจมาบ้านเยอะจัง ยายก็นึกได้ว่า เมื่อสามวันก่อนมีคนมาทวงหนี้จากนางติ๋ม ลูกสาวคนโตยาย ทั้งๆ ที่ลูกสาวคนโตไม่ได้เป็นคนกู้เงิน ตอนแรกที่เขาเอาตัวลูกสาวไป

 

ช่วงบ่ายเขาบอกให้หาเงินโอนมาให้ 170,000 บาท แม่ก็บอกว่า ไม่มี และบอกมันเร็วไป จะไปหามาจากไหน จนช่วงค่ำเขาก็โทรมาอีก บอกว่าให้จ่ายมาก่อน 30,000 บาท แล้วจะปล่อยตัว ตนก็ยังไม่ได้รับปาก จนเช้าตำรวจเชิญมาที่โรงพัก ระหว่างพูดคุย ล่าสุดเขาต่อรองให้แม่เอารถกระบะ 4 ประตูของแม่ไปจอดที่บ้าน แล้วจะปล่อยตัว

 

ตำรวจบุกช่วยตัวประกัน  

หนี้ก้อนนี้ น.ส.ชบาทิพย์  น้องสาว น.ส.ติ๋ม ไปยืมเงินมา 200,000 บาท รู้แค่ว่าเอามาใช้หนี้สหกรณ์ ซึ่งไปยืมมาตั้งแต่ปี 2561 แล้วก็ไปทำงานต่างประเทศ เพื่อที่จะหาเงินมาชดใช้ แต่ว่าได้เงินไม่ค่อยดี มีเพียงส่งมาให้ซื้อกิน แล้วก็กลับมา และไปทำงานประเทศใหม่อีก ก็ต้องยืมเงินอีก  ทำให้ติดหนี้มาเรื่อยๆ พอรู้ข่าวว่าลูกสาวคนโตถูกจับเรียกค่าไถ่ เกือบเป็นลมตายในวัด ตกใจเคยเห็นแต่ในข่าวไม่คิดว่าจะเกิดกับครอบครัวตัวเอง สงสารลูกสาวคนโตมาก เพิ่งมาจากกรุงเทพฯ มาเลี้ยงหลานน้อยที่บ้าน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องกู้เงิน แต่มาถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่และถูกทำร้ายบาดเจ็บด้วย 

 

นางแดง ยืนยัน ให้ตำรวจดำเนินการให้ถึงที่สุด ส่วนเงินที่ยืมมา ก็จะหามาใช้หนี้ให้หมด 170,000 บาท ถึงไม่มีก็จะหามาใช้หนี้ให้หมดทุกบาททุกสตางค์ ยอมรับตอนนี้ยังกลัว เพราะไม่รู้ว่า จะอยู่ได้ไหม กลัวว่าจะกลับมาทำร้ายร่างกายอีกครั้ง เพราะตนก็อยู่กับหลาน 

นางแดง แม่ น.ส.ติ๋ม

 

ด้านนายพิชิต ภารสมบูรณ์ อายุ 48 ปี สามีนางชบาทิพย์ บอกว่า รู้ข่าวว่าป้าถูกจับเป็นตัวประกัน ขับรถมอเตอร์ไซด์จากกรุงเทพฯ มาถึงบ้านไชยวานเมื่อเช้าวันนี้ ก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่า เมื่อปี 61 ผมและภรรยาไปกู้เงิน 200,000 บาทจากเสี่ยเดือน คนอ.วังสามหมอมาใช้หนี้ ธกส. บังเอิญว่าเสี่ยเดือนเคยรู้จักกันไม่คิดดอกเบี้ย แต่ภายหลังเสี่ยเดือนถูกจับเรื่องคดียาเสพติด นายโก่ยซึ่งเป็นนายหน้าก็เลยมาทวงเงินแทน ส่วนตัวอยากจะใช้หนี้กับเสี่ยเดือนมากกว่า แต่เสี่ยโก่ยกลับมาทวง ผมก็ไม่กล้าใช้ เพราะกลัวจะเป็นการใช้หนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายจะเป็นเงิน 400,000 บาท พอภรรยาไม่อยู่ไปทำงานอยู่ประเทศตุรกี แต่นายโก่ยก็พยายามมาทวงกับป้าคือนางติ๋ม พอไม่ได้เงินจึงจับตัวไปเรียกค่าไถ่ สงสารป้า รู้ข่าวป้าถูกจับไปเรียกค่าไถ่ น้ำตาก็จะไหลเหมือนกันเพราะป้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย ส่วนเรื่องคดีก็ให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายแล้วกัน 

 

ด้านนางพันงา หรือบุด เจ้าหนี้ เล่าว่า ตนมีอาชีพเป็นนายหน้าขายที่ดิน เมื่อเกือบ 10 ปีก่อน ได้ค่านายหน้ามา 1.5 ล้าน ตนก็ไปหาทำบุญทำทาน และปล่อยกู้ยืมเงิน ตนก็มาปล่อยให้เสี่ยเทพที่รู้จักกันตอนค้าขายอ้อยในพื้นที่วังสามหมอ เมื่อตนไปทวงถามก็ได้มาเพียงครั้งละ 500 ครั้งละ 1,000 บาท เท่านั้น พวกเขาเหนียวหนี้ ตนก็ปล่อยไปเวรตามกรรม และก่อนหน้านี้ลูกสาวและลูกเขยมาบอกว่า ไม่มีเงิน ต้องการใช้เงิน ตนก็บอกให้ไปทวงถามลูกหนี้เจ้าหนี้เอาเอง เพราะตนก็ไม่มีเงิน ส่วนเรื่องที่จับตัวกันไป ตนก็ยอมรับว่า ทำเกินกว่าเหตุ อยากคืนลูกเขาไป เรื่องหนี้สินก็มาว่ากันอีกที  


ขณะที่ พ.ต.อ.รัฐพลชัย เพ็ญสงคราม ผกก.สภ.ไชยวาน เปิดเผยว่า แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เอาตัวบุคคลอายุมากกว่า 15 ปี ไปโดยขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำ หรือวิธีข่มขื่นใจด้วยประการอื่น และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย โดย น.ส.จิรปรียา ,นายฤทธิ์ชัย ,นายเพยาว์ ยอมรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา ส่วนนายบรรพจ หรือเสี่ยโก่ย ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกายนางติ๋ม 

พ.ต.อ.รัฐพลชัย เพ็ญสงคราม