
"นายกเศรษฐา" ตรวจเยี่ยม "สอบสวนกลาง" ชื่นชมความเป็นมืออาชีพ เป็นกลาง
"นายกเศรษฐา" ตรวจเยี่ยม "กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง"พร้อม มอบนโยบาย ปฎิบัติงาน ชื่นชมความเป็นมืออาชีพ เป็นกลาง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยนายกรัฐมนตรี ได้รับการแสดงความเคารพจากกองเกียรติยศ
จากนั้นได้รับชมวิดีทัศน์ รับฟังผลการปฏิบัติงาน และแนวทางการพัฒนาองค์กรตำรวจสอบสวนกลางโดยพลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ห้องสั่งการและควบคุมติดตามสถานการณ์ ปราบปรามอาชญากรรมและสืบสวนผู้กระทำผิด real time crime center(RTCC)
ภายหลังการนำเสนอ พล.ต.ท.จิรภพ ได้กล่าวถึงการดำเนินโครงการของตำรวจสอบสวนกลางว่า เป็นโครงการที่จะพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งใน 3 เรื่องหลัก คือ
1. Digital Transformation หรือการแปลงจากระบบการรายงานด้วยแผ่นกระดาษสู่การรายงานด้วยระบบดิจิทัล เพราะช่วยลดการเสียเวลาในการทำงาน และใช้กำลังพลน้อยลง ทำให้การรับเรื่องในการทำงานกระชับขึ้น รวดเร็ว แม่นยำ สามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส และการบริหารงานของตำรวจได้ดียิ่งขึ้น
2.National CCTV Big Data การนำ AI เข้ามาช่วยรวบรวมข้อมูลเข้าส่วนกลางให้เป็น Smart City เพื่อเสริมสร้างระบบความปลอกภัยใฃภายในประเทศ ให้นักท่องเที่ยวได้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น หากมีความปลอดภัยนักท่องเที่ยวก็จะเดินทางมามาประเทศไทยได้มากยิ่งขึ้น โดยจะเริ่มทำในพื้นที่สำคัญ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ ก่อนจะขยายไปในพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งพัฒนาระบบแจ้งความ ซึ่งระบบแสดงภาพในพื้นที่เหตุการณ์ และช่วยให้เจ้าหน้าที่ได้เห็นสถานการณ์ และควบคุมสั่งการได้อย่างทันท่วงที
3.National Intelligence Function Center (NIFC) คือการรวบรวมข้อมูลอาชญากรรมไว้ที่ส่วนกลางของภูมิภาค และรวบรวมข้อมูลกับหน่วยข่าวของประเทศ และนำไปสู่การวิเคราะห์ เพื่อป้องกันเหตุก่อการร้าย และความความมั่นคงของประเทศไทย หากทุกระบบทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้มีศักยภาพในการป้องกันความมั่นคงของประเทศสูงขึ้น
ด้านนายเศรษฐา ได้มอบนโยบาย โดยกล่าวชื่นชมนโยบายผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ได้นำเสนอเรื่องการปรับเปลี่ยนการทำงานไปสู่ระบบดิจิทัลเพื่อดูแลประชาชน ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักที่รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน รวมถึงชื่นชมการปฏิบัติงานของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ดำรงไว้ซึ่งความเป็นกลาง และเป็นมืออาชีพซื่อสัตย์สุจริต ไม่หวั่นไหวกับแรงกดดันทางการเมือง หรือหลายหน่วยงานที่มาเรียกร้องขอ ให้ทำเรื่องที่ไม่ถูกต้องต่อกฎหมาย
รวมทั้ง การสื่อสารไปยังประชาชนที่เป็นเลิศได้รับการยอมรับ สามารถประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปยังประชาชนได้เป็นอย่างดี ถือเป็นหน่วยงานที่ตนเองให้ความมั่นใจ และขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ ให้แน่วแน่ในความเป็นมืออาชีพ เป็นกลาง อย่าใครเข้ามาแทรกแซงหรือ ให้การเมืองเข้ามาก้าวก่าย เชื่อว่าในคดีสำคัญต่างๆ ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางดำเนินคดี จะมีการก้าวก่าย หรือมีการนำชื่อของตนเอง และรัฐมนตรีไปแอบอ้างนั้น ตนเองจะไม่ยินยอม ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามหลักกฎหมาย และจะดำเนินการให้ถึงที่สุด ขอให้ตำรวจสอบสวนกลางเป็นตัวอย่างองค์กรที่ดี
ส่วน 3 โครงการที่ ผบช.ก. ได้นำเสนอมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดิจิทัล ที่ทำให้การทำงานกับกระดาษลดน้อยลง หรือทำให้การบริการประชาชนรวดเร็วขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ ตนเองถือเป็นหัวใจหลัก ควรดำเนินการในทุกหน่วยงาน เพราะปัจจุบนนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปเยอะ โดยเฉพาะเรื่องของดิจิทัล รัฐบาลยินดีให้การสนับสนุนทุกด้าน โดยเฉพาะโครงการ National CCTV centre system เป็นเรื่องที่รัฐบาลพูดคุยกันอยู่แล้ว และถือเป็นเรื่องใหญ่ จึงได้มอบนโยบายให้ทาง CIB ว่า หากเริ่มทำได้ เริ่มทำของตัวเองไปเลยก่อนจะดีกว่า ซึ่งอาจจะเป็นการเริ่มในกรุงเทพมหานครก่อน ปละรัฐบาลยินดีที่จะสนับสนุนงบประมาณ ซึ่งจะเชื่อมโยงไปยังโครงการ National intelligence fusion center เป็นการควบรวมทุกหน่วยงานเข้ามา และทำให้ข้อมูลฉับพลันรวดเร็ว และติดตามเรื่องของอาชญากรรมได้รวดเร็วมากขึ้น เพราะฉะนั้นอย่ารอคอย เพราะเป็นหน่วยงานที่คล่องตัวกว่า เป็นมืออาชีพ เป็นกลาง และเคียงข้างประชาชนมาโดยตลอด ซึ่งมองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ
นายเศรษฐา ยังเน้นย้ำให้รักษาการพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพ พัฒนาองค์ความรู้เรื่องเทคโนโลยี รวมถึงให้ผู้บังคับบัญชาดูแลเรื่องอุปกรณ์ ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเป็นหลัก เนื่องจากนโยบายการปราบปรามยาเสพติดที่เข้มงวดมากขึ้นของรัฐบาล ทำให้มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติงานด้วยความไม่ประมาท และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบ เพราะชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่เป็นเรื่องสำคัญ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กำชับให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบดูแลเรื่องเว็บปลอม และลิงค์เถื่อน หลังจากที่วานนี้ได้มีการเปิดให้ลงทะเบียนดิจิทัล วอลเล็ต และมีคนลงทะเบียนมากกว่า 20 ล้านคน รวมถึงการตัดวงจรแก๊งสแกมเมอร์ ด้วยการตัดสายสัญญาณหรือทำลายอุปกรณ์สตาร์ลิงค์ที่เป็นอุปกรณ์สำคัญ