
สืบนครบาลรวบ ‘ปอน หนองแขม’ ระดับหัวจ่ายยาเสพติด โพสต์กร่างโชว์อาวุธปืน
ตำรวจสืบนครบาลบุกทลายแหล่งมั่วสุม "ปอน หนองแขม" หัวจ่ายยาเสพติดให้วัยรุ่นในชุมชน โพสต์ปืนโชว์กร่างอยากเป็นทรงเอ
ตำรวจสืบสวนนครบาล พร้อมด้วย ผู้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญาขั้นพิเศษ TOP G ชุดปฏิบัติการที่ 2 ร่วมกันจับกุมเข้าจับกุมตัว นายนิวัฒิ หรือปอน อายุ 21 ปี / นายวิทยา อายุ 21 ปี และ นางสาวบี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี แจ้งข้อกล่าวหา "ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต"
พร้อมด้วยของกลาง
1.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 ( คีตามีน ) ชนิดผงสีขาว บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสกดปิดดึงเปิด จำนวน 1 ซอง น้ำหนักรวมซองประมาณ 2.44 กรัม
2.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 ( คีตามีน ) ชนิดเกล็ดสีขาว บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสกดปิดดึงเปิด จำนวน 1 ซอง น้ำหนักรวมซองทั้งหมดประมาณ 39.33 กรัม
3.เครื่องชั่งน้ำหนัก ดิจิทัล จำนวน 1 เครื่อง
พฤติการณ์ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น. ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดข้อหาร้ายแรง จำนวนหลายคดีอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากการสืบสวนขยายผลเรื่อยมา จนทราบว่ามีนายนิวัฒิหรือปอน มีพฤติกรรมมั่วสุมเสพยาเสพติดกันเป็นกลุ่มแก๊ง และมีพฤติกรรมโพสต์ภาพอาวุธปืน และจากการสืบสวนทราบว่า นายนิวัฒิ พักอาศัยอยู่บริเวณหนองแขม ซึ่งเชื่อว่าอาจจะเป็นสถานที่ ที่มีการซุกซ่อนยาเสพติดและอาวุธปืน จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ โดยผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้สืบสวนขยายผลและให้ดำเนินการไปขอหมายค้นต่อศาลอาญาตลิ่งชันในบริเวณบ้านดังกล่าว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นของศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ ค.182/2567 ลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 ให้ตรวจค้น บ้านพักในหนองแขม พบ นายนิวัฒิ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายนิวัฒินำตรวจค้นภายในบริเวณบ้านพักของตน โดยสมัครใจและอยู่ร่วมดูการตรวจค้นโดยตลอด ผลการตรวจค้นบริเวณดังกล่าว พบ นายวิทยา และ นางสาวบี พักอาศัยอยู่ในบริเวณห้องพักชั้น 3 ของบ้านหลังดังกล่าวขณะตรวจค้น
ผลการตรวจค้นพบ ยาเคของกลางลำดับที่ 1 ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ ภายในห้องพัก , พบยาเค และเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตัลวางอยู่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์เดียวกัน โดยนายวิทยรับว่าของกลางยาเค (คีตามีน) ของกลางดังกล่าวเป็นของนายวิทยา ซึ่งมีไว้เพื่อเสพด้วยตนเอง ภายในห้องพักดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ได้กล่าวไว้ว่าการปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นนโยบายสำคัญและเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมรายสำคัญในพื้นที่ให้หมดไปอย่างจริงจัง โดยใช้มาตรการการปราบปรามอาชญากรรมองค์กรอย่างเข้มงวดเชิงรุกทุกรูปแบบ ซึ่งนับว่าเป็นบ่อเกิดอาชญากรรมอื่นๆที่จะตามมา อันสร้างความเดือนดร้อนและสร้างความเสียหายต่อสังคมในรูปแบบต่างๆ เป็นวงกว้าง สอดคล้องตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล