
เปิดแผนประทุษกรรม คดีหุ้นSTARK พบวางแผนแยบยล
“พงศ์เทพ” หัวโต๊ะศึกษาแผนประทุษกรรม คดีหุ้นSTARK พบโกงละเอียดยิบ มีการสร้างธุรกรรมเท็จ วางแผนแยบยล ตรวจสอบยาก
นาย พงษ์เทพ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า แผนประทุษกรรม คดี หุ้นSTARK มีการ ทำบัญชีเท็จหลายครั้ง สร้างธุรกรรมที่ไม่เป็นความจริงขึ้นมา เช่น ไม่มีการซื้อขายกันจริง ก็ไปสร้างธุรกรรมว่าซื้อขายกัน ยอมเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำให้ตรวจสอบยากขึ้น รวมถึงทำธุรกรรมกับบริษัทในต่างประเทศ แต่เป็นการทำธุรกรรมที่ไม่ตรงไปตรงมา ก็ยิ่งทำให้ยากต่อการตรวจสอบมากขึ้น ขณะนี้กำลังรวบรวมลำดับเหตุการณ์ที่ไม่ถูกต้อง และสรุปรายงานในที่ประชุมวันที่ 31 ก.ค.2567 อีกครั้ง มีบริษัทใดและใครเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกหรือไม่ คาดว่าจะเห็นภาพมากขึ้น
ส่วนใหญ่แล้วผู้เสียหาย เป็นกลุ่มผู้ที่ซื้อหุ้นกู้ ที่ได้รับข้อมูลไม่ถูกต้อง และ กลุ่มผู้ซื้อหุ้นสามัญในตลาดทำให้ผู้ที่ซื้อหุ้นในตลาดราคาสูงกว่าราคาที่ควรจะเป็น เมื่อเกิดเรื่องขึ้นราคาหุ้นตอนนี้ตกลงอย่างมาก นักลงทุนได้รับความเสียหายจำนวนมาก
พ.ต.ท.สุทธิศักดิ์ กล่าวว่า กลต. พบบริษัทไม่ส่งงบการเงินประจำปี พอเราเข้าไปตรวจมีพฤติกรรมบ่งชี้ความผิดปกติ กลต.จึงสั่งให้เกิดการ SPECIAL AUDIT หรือ การตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ จากนั้น กลต.ใช้อำนาจตามกฎหมายในการอายัดทรัพย์สิน เพื่อป้องกันการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ซึ่ง กลต.ได้แจ้งข้อมูลไปยัง ปปง. และตามยึดอายัดทรัพย์สินได้ 2,500 ล้านบาท และจะดำเนินคดีกับบุคคลที่รับทรัพย์ของกลุ่มผู้ต้องหาและนำไปเปลี่ยนแปลงทรัพย์สิน ในความผิดฟอกเงินด้วยเช่นกัน
ด้านพ.ต.ท.จักรกฤษณ์ กล่าวว่า คดีฟอกเงิน อยู่ระหว่างสอบสวน ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่ยืนยันมีผู้ต้องหาในคดีเพิ่มเติมแน่นอน ส่วนจะออกหมายเรียกเมื่อไร อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมและเรียกมาสอบสวนอีกครั้ง ปัจจุบันยังไม่พบเส้นทางการเงินเพิ่มเติมที่โอนย้ายไปต่างประเทศ
ด้านนางสุภางค์ กล่าวถึงการเยียวยาว่า ทางผู้เสียหายฟ้องคดีแพ่งเองด้วย และ กลต.กล่าวโทษมาให้ดีเอสไอ และนำให้พนักงานอัยการ ส่งฟ้องเป็นคดีอาญาแล้ว ปปง.ได้ยึดอายัดทรัพย์สินของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เช่น กรรมการและผู้บริหารของบริษัทไว้ เพื่อหลังจากมีคำพิพากษาแล้วว่าเป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือซื้อขายหลักทรัพย์ไม่เป็นธรรม ก็จะนำทรัพย์สินที่ ปปง. ยึดอายัดไว้ มาเฉลี่ยให้กับผู้เสียหาย มีการยึดอายัดแล้ว 2,500 ล้านบาท
สำหรับในที่ประชุมวันนี้ นาย พงษ์เทพ ระบุว่า มีการหารือเรื่องการนำเทคโนโลยี และระบบ AI มาช่วยตรวจสอบบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีมากกว่า 800 บริษัท เป็นมาตรฐานเดียวกันกับสากล และดูเรื่องการปราบปราม การบังคับใช้กฎหมายให้เข้มข้นขึ้น รวมถึงจะเยียวยาช่วยเหลือผู้เสียหายอย่างไร โดยเฉพาะนักลงทุนในหุ้นสามัญ ที่มีการซื้อขายหุ้นกันเอง แต่ได้ข้อมูลเป็นเท็จ ทำให้ราคาหุ้นไม่ตรงความเป็นจริงของหุ้น
ขณะที่ พ.ต.ท.สุทธิศักดิ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการใช้ระบบ AI ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา เพื่อนำมา ป้องกัน ตรวจจับ ชี้เบาะแสการกระทำความผิด หากระบบนี้สำเร็จจะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ หากมีความผิดปกติ กลต.จะรีบเข้าไปดำเนินการตรวจสอบ จะพยายามเร่งรัดระบบให้เร็วที่สุด แต่ระหว่างระบบยังไม่เสร็จสิ้น ก็มีมาตราการป้องกัน เช่น บริษัทที่มีปัญหาเกี่ยวกับการทุจริต ส่วนใหญ่เกิดจากบริษัทที่เปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น ปัจจุบัน กลต.เพิ่มเกณฑ์เข้มข้นเปรียบเท่ากับบริษัทที่จดทะเบียนใหม่ และ เพิ่มมาตรการการตรวจสอบบัญชี



