ข่าว

แม่น้ำตานอง ป.6 ถูกแก๊งเด็กช่าง รุมดับ – สาหัส

23 ก.ค. 2567

แม่ ป.6 เล่าน้ำตานองหน้า ลูกชายถูกแก๊งเด็กช่างรุมทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ส่วนเพื่อนเสียชีวิต ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

แม่ 2 เด็ก ป.6 ปลอบใจกัน หลังลูกถูกเด็กช่างรุมทำร้าย เสียชีวิต และบาดเจ็บ

23 ก.ค.2567 นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี ร้องเรียนว่า น้องแฟรงค์ ลูกชาย อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 กับเพื่อนถูกกลุ่มวัยรุ่น ขี่รถจักรยานยนต์มากัน 3 คัน 6 คน เบียดรถจักรยานยนต์ลูกล้ม แล้วจอดรถลงมารุม ทำร้ายร่างกาย ลูกชายกับเพื่อน โดยใช้อาวุธตีศีรษะและลำตัวแต่ละคน พร้อมใช้เท้าเตะเข้าลำตัว จนลูกได้รับ บาดเจ็บสาหัส และเพื่อนที่ซ้อนท้ายมาด้วย เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2567 เวลา 01.30 น.

 

โดยกล้องวงจรปิดจับภาพบนถนน พุทธมณฑลสาย 2 มุ่งหน้าออกถนนเพชรเกษม มีรถจักรยานยนต์ ชาย 2 คน เป็นผู้เสียหาย ขับมาปกติ จากนั้นได้มีรถรถจักรยานยนต์คันก่อเหตุคันแรก คาดว่าเป็น เด็กช่าง 2 คน ขับตามหลังมา แล้วได้เบียดรถจักรยานยนต์ผู้เสียหายจนล้ม ทำให้ผู้เสียหายชาย 2 คนได้รับบาดเจ็บนอนอยู่กลางถนน โดยรถจักรยานยนต์คันที่เบียดได้ขับมุ่งหน้าไป

ต่อมา มีรถจักรยานยนต์คันก่อเหตุคันที่สองและสามได้ขับตามหลังมา คันที่สองเป็นชาย 2 คน คันที่สามเป็นชาย 3 คน รวม 5 คน มาจอดรถแล้วลงมา ทำร้ายร่างกาย ผู้เสียหายทั้ง 2 คนที่นอนอยู่กลางถนน อีกไม่นานรถจักรยานยนต์คันก่อเหตุคันแรกที่เบียดรถผู้เสียหายแล้วขับหนีไป ก็ย้อนกลับมาและลงมาทำร้ายร่างกายด้วย รวมผู้ก่อเหตุจำนวนทั้งสิ้น 7 คน

 

โดยแม่ของน้องแฟรงค์ คนเจ็บ ระบุว่า ในคืนนั้นน้องออกไปขับรถเล่นกับเพื่อนอีกคน คือ น้องโจโจ้ วัย 12 ปี เพื่อไปหาอะไรกินแถวสายใต้ น้องถือวิสาสะขับรถจักรยานยนต์ออกไป เพราะตนไม่อยู่บ้าน ไม่คิดว่าน้องจะพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ครั้งสุดท้ายที่พบเจอน้องในวันนั้นก็คือน้องไปโรงเรียนตามปกติ

 

ที่ผ่านมาน้องไม่เคยเล่าให้ฟังว่ามีอริหรือมีคู่ขัดแย้งกับใคร ปกติจะมีกลุ่มเพื่อนที่ชอบเตะฟุตบอลที่โรงเรียนและตนก็เพิ่งมาทราบหลังเกิดเหตุว่า น้องมีกลุ่มเพื่อนที่ชอบขี่รถจักรยานยนต์ด้วยกัน กลุ่มผู้ก่อเหตุตนก็เชื่อว่าน้องไม่รู้จักกันอย่างแน่นอน

 

ทั้งนี้ หลังจากได้นำตัวน้องทั้ง 2 คนส่งโรงพยาบาล ทางแพทย์ได้แจ้งอาการว่า น้องแฟรงค์ ลูกชายของตนสมองบวม เลือดคั่งในสมอง ต้องผ่าตัดเปิดสมองออก ซึ่งสมองเละมาก ไม่สามารถเย็บปิดสมองได้

 

แม่น้องแฟรงค์พูดทั้งน้ำตาว่า น้องมีโอกาสรอดแค่ 1% ไม่รู้สึกตัว พร้อมที่จะจากไปได้ตลอดเวลา ไม่สามารถที่จะปั๊มหัวใจยื้อชีวิตได้ เพราะเสี่ยงที่กระดูกซี่โครงน้องจะหัก

 

หลังจากแจ้งความกับตำรวจ สน.หลักสอง ทางตำรวจแจ้งว่า ยังพิสูจน์ทราบตัวคนร้ายไม่ได้ เพราะว่าหลักฐานไม่เพียงพอไม่ชัดเจน จึงอยากฝากบอกให้ตำรวจช่วยหาตัวเด็กวัยรุ่นผู้กระทำความผิดกลุ่มนี้ให้มารับผิด เพราะตอนนี้รู้สึกกังวลว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม เนื่องจากกลุ่มผู้กระทำความผิดยังเป็นเยาวชนที่กฎหมายค่อนข้างให้ความคุ้มครองเป็นอย่างมาก รวมทั้งอยากฝากให้พวกผู้กระทำความผิดออกมารับผิดชอบ พร้อมทั้งอยากถามว่า ทำแบบนี้ไปทำไม พวกเขายังเด็กอยู่เลย ทำไมต้องทำกันรุนแรงแบบนี้ พวกคุณก็มีพ่อมีแม่ก็ควรจะต้องเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ต้องสูญเสียลูกด้วย ยืนยันว่าหากพวกเขาเข้ามาขอโทษ ตนจะไม่รับอโหสิกรรมเป็นอันขาด เพราะพวกเขายังมีพฤติกรรม ข่มขู่เพื่อนของลูกตนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งฝากพ่อแม่ผู้ปกครองว่า อย่าปล่อยให้ลูกออกมาจากบ้านในยามวิกาลแบบนี้ เพราะโลกข้างนอกตอนนี้อันตรายอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเยาวชนที่มักจะกระทำความผิดโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย

 

ทั้งนี้ก่อนการให้สัมภาษณ์แม่น้องแฟรงค์ ปรากฏว่า แม่น้องแฟรงค์กับแม่น้องโจโจ้ที่ เสียชีวิต ต่างก็ให้กำลังใจซึ่งกันและกันและร้องไห้เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกของทั้งสองคน ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความน่าเศร้าสลดใจอย่างยิ่ง

 

ขณะที่ ลูกพี่ลูกน้องของ น้องโจโจ้ วัย 12 ปี ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า คืนนั้นน้องโจโจ้ไปกินข้าวที่สายใต้ใหม่กับน้องแฟรงค์และเพื่อนรุ่นพี่ที่โตกว่ารวม 6 คัน โดยรถของน้องตนและแฟรงค์คือเด็กสุด เชื่อว่า มูลเหตุน่าจะเกิดจากกลุ่มผู้ก่อเหตุเข้าใจผิด คิดว่าน้องโจโจ้และน้องแฟรงค์เป็นเด็กช่าง ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว น้องทั้งสองคนเพียงแค่ใส่เสื้อแขนยาวที่อาจจะดูคล้ายเด็กช่างและน้องทั้งสองคนเรียนอยู่แค่ชั้น ป.6 เท่านั้นเอง ซึ่งเท่าที่ตนทราบ พวกน้องทั้งสองคนนั้นไม่ได้มีการตะโกนด่าไปยังกลุ่มพวกผู้ก่อเหตุแต่อย่างใดเลย พวกน้องเขาได้แต่ขี่หนีอย่างเดียว แต่เนื่องจากน้องทั้งสองคนนั้นอายุยังไม่มาก เลยขี่รถจักรยานยนต์ไม่แข็ง จึงหนีไม่ทัน

 

นอกจากนี้ จากที่ตนได้ข้อมูลพบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มนักเรียนวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ยังไม่ทราบว่าพวกเขามีปัญหาอริกับกลุ่มเพื่อนรุ่นพี่ของโจโจ้หรือไม่ แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุเหล่านี้นั้นมีประวัติขี่รถจักรยานยนต์ไล่ขี่คุกคามกลุ่มวัยรุ่นและชาวบ้านเป็นประจำ

 

สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตของน้องโจโจ้คือทนพิษบาดแผลไม่ไหว พบไหปลาร้าหัก กระดูกซี่โครงหัก มีรอยฟันบริเวณด้านหลังและหัวไหล่ กะโหลกศีรษะแตก ทั้งนี้ตัวน้องโจโจ้เองนั้นพักอาศัยอยู่บ้านเพื่อนคือน้องแฟรงค์ เนื่องจากพ่อแม่ของน้องแยกทางกันและไปทำงานต่างจังหวัด ซึ่งตนเชื่อมั่นว่า น้องโจโจ้ไม่เคยมีประวัติเป็นอริหรือทำร้ายใครมาก่อน

 

สำหรับฝั่งความคืบหน้าทางคดี ตนทราบเพียงแค่ว่า ตำรวจได้เรียกกลุ่มผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำ แต่ไม่ทราบว่ามีกี่คนและดำเนินคดีไปแล้วหรือไม่ เพราะพวกเขาเป็นพวกเยาวชน ส่วนตัวมองว่า น้องโจโจ้เองยังเด็กอยู่ ไม่สมควรที่จะถูกกระทำเช่นนี้ ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า กว่าจะเลี้ยงให้น้องเขาเติบโตมาได้ถึงวันนี้นั้นลำบากมาแค่ไหน

 

ด้านแม่ของน้องโจโจ้ผู้เสียชีวิต กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนมาทราบข่าวในคืนวันนั้นว่า น้องได้เสียชีวิตแล้ว จึงได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นและไม่คาดคิดว่าน้องจะมาด่วนจากไปแบบนี้ พอได้ทราบเหตุการณ์ทั้งหมดว่าน้องถูกถีบรถจักรยานยนต์ล้มและยังถูกทำร้ายซ้ำจนเสียชีวิต ก็รู้สึกสลดใจอย่างมากว่า ทำไมถึงลงมือกับน้องอย่างนี้ ถ้าพวกเขาไม่ลงมาซ้ำกับน้อง ก็เชื่อว่าน้องน่าจะมีโอกาสรอดชีวิตได้ ไม่เข้าใจว่าลูกชายของตนไปทำอะไรให้และกังวลว่า ลูกชายรวมทั้งน้องแฟรงค์จะไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะพวกผู้ก่อเหตุนั้นเป็นพวกเยาวชน ซึ่งจะยังไม่ฌาปนกิจน้องโจโจ้จนกว่าจะได้รับความยุติธรรม

 

ทั้งนี้ ข้อมูลจากพนักงานสอบสวน สน.หลักสอง กล่าวว่า คดีนี้ได้มีการเรียกเยาวชนผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำแล้วหลายปาก แต่เนื่องจากยังไม่มีใครให้การซัดทอดว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำความผิด แต่ทางตำรวจรู้ตัวหมดแล้วว่าเยาวชนกลุ่มนั้นเป็นใคร อยู่ระหว่างการดำเนินการทางกฎหมาย เนื่องจากผู้ต้องสงสัยเป็นเยาวชน จึงต้องดำเนินการตามกฎหมายเด็กและเยาวชน