
รวบคู่หูแก๊งคอลเซ็นเตอร์ผันตัวเป็น “เอเย่นต์” จัดหาบัญชีม้า ซิมม้า
สืบนครบาลรวบคู่หูอดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประเทศเพื่อนบ้านผันตัวเป็นเอเย่นต์ขายซิมม้าและบัญชีม้า ตัดวงจรมิจฉาชีพ
ตำรวจ สืบสวนนครบาล กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษจับกุมตัว นางสาวกฤษณา (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี นางสาวนภัสสร (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี
พร้อมด้วยของกลาง ซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่ เครือข่าย เอไอเอส ที่ลงทะเบียนพร้อมใช้งานแล้ว รวมจำนวน 10 ซิม / ซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่ เครือข่าย เอไอเอส ที่ยังไม่มีการลงทะเบียน จำนวน 490 ซิม
ในข้อหา ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ และ ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขาย ให้เช่า ให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ได้สืบทราบว่ามีผู้ลักลอบจำหน่ายซิมโทรศัพท์ที่ได้ลงทะเบียนแล้วโดยบุคคลอื่นพร้อมใช้ และบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 จึงได้ให้สายลับทำการติดต่อล่อซื้อพูดคุยกันผ่านข้อความแอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊ค โดยผู้ลักลอบจำหน่ายได้นัดหมายกันในวันที่ 15 มิถุนายน 2567 เวลาประมาณ 22.00 น. โดยได้ตกลงต่อรองกันจนได้ตกลงซื้อ ขายซิม โทรศัพท์เคลื่อนที่ เครือข่าย เอไอเอส ที่ลงทะเบียนพร้อมใช้งานแล้ว จำนวน 500 ซิม ในราคา 55,000 บาท และ สมุดบัญชี พร้อมบัตรเอทีเอ็มและซิมซึ่งผูกบัญชี จำนวน 2 บัญชี ในราคา 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 75,000 บาท
เมื่อถึงเวลานัดหมายรถยนต์สีดำขับขี่มาจอดบริเวณที่นัดหมาย และมีนางสาวกฤษณา ลงมาจากรถและ นางสาวนภัสสร ซึ่งเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊คที่ติดต่อกัน นั่งคอยอยู่บนรถ โดยนางสาวกฤษณา ถือกล่องลังกระดาษลังมาพบกับสายลับ สายลับจึงได้ทำการเปิดตรวจสอบพบว่าภายในกล่องดังกล่าวมีซิมจำนวน 500 ซิม และ สมุดบัญชีพร้อมบัตรเอทีเอ็ม และซิมซึ่งผูกกับบัญชีดังกล่าว จำนวน 2 ชุด จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมซึ่งเฝ้าจุดสังเกตการณ์อยู่ จึงได้เข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าจับกุม ผู้ต้องหาทั้งสองยอมรับว่าซิมทั้งหมด และ สมุดบัญชีธนาคารพร้อมบัตรเอทีเอ็ม และซิมซึ่งลงทะเบียนผูกบัญชี จำนวน 2 ชุด ดังกล่าวทั้งหมดเป็นของตนเองจริง กำลังจะนำมาให้กับผู้ติดต่อซื้อ จากการสอบถาม ทราบว่า ทั้งคู่ได้เคยไปทำงานเป็น คอลเซ็นเตอร์ อยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน ไปอยู่มา 2 ปี แล้วหนีกลับมา ผันตัวมาขายซิมโทรศัพท์