ข่าว

"บิ๊กต่าย" เผยไทม์ไลน์ กระบวนการรับตัว "เสี่ยแป้ง" คาดอีก 3 วันชัดเจน

"บิ๊กต่าย" เผยไทม์ไลน์ กระบวนการรับตัว "เสี่ยแป้ง" คาดอีก 3 วันชัดเจน

31 พ.ค. 2567

"บิ๊กต่าย" เผยไทม์ไลน์ กระบวนการรับตัว "เสี่ยแป้ง" คาดอีก 3 วันชัดเจน ด้าน ตำรวจภาค 9 เตรียมอายัดตัว ดำเนินคดีอีกหลายข้อหา

31 พ.ค. 2567 ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบกรณีตำรวจอินโดนีเซียจับกุมนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ "แป้ง นาโหนด" นักโทษชายที่หลบหนีจากการควบคุมตัวของกรมราชทัณฑ์ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้การประสานงานระหว่างเจ้าที่ของประเทศไทยกับตำรวจประเทศอินโดนีเซียทั้งการรับและการส่งตัวทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนทางกฎหมาย โดยมีการใช้ตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) ในการหารือและพูดคุย

เบื้องต้นได้สั่งการให้กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นกองอำนวยการศูนย์กลางในการประสานงานกับทางอินเตอร์โพล และมอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นตัวแทนผู้ประสานงานและเดินทางไปรับตัวนักโทษชายกับคณะของกระทรวงยุติธรรม คาดว่ากระบวนการทั้งหมดใช้ระยะเวลาไม่เกิน 3 วันจะได้ความชัดเจนในเรื่องการรับตัว

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวอีกว่า จะมีการนำตัวนักโทษชายมาทำการซักถามเบื้องต้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จากนั้นให้พนักงานสอบสวนจังหวัดนครศรีธรรมราช มาควบคุมตัวฐานหลบหนีการจับกุมฯ และตำรวจกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 จะมีการอายัดตัวในอีกหลายข้อหา เช่น หลบหนีการจับกุมฯ, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ และมีอาวุธปืนในครอบครอง

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

 

“ที่ผ่านมานายทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ให้ความกรุณาประสานขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การรับตัวซึ่งจากนี้เป็นเรื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการรับช่วงต่อ ยืนยันว่ายังไม่มีข้อติดขัดทุกอย่างเป็นไปด้วยดี” รรท.ผบ.ตร. กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่านักโทษชายจะได้ถูกดำเนินคดีอะไรที่ประเทศอินโดนีเซียบ้าง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่มีรายงานว่ามีคดีที่จะต้องดำเนินการ ทางอินโดนีเซีย พร้อมที่จะส่งตัวให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนกรณีดาบตำรวจหญิงที่มีส่วนในเรื่องการจับตัวชาวอินโดนีเซียเรียกค่าไถ่ ซึ่งมีข้อมูลว่าเป็นผู้ให้ข้อมูลการกบดานของเสี่ยแป้ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควบคุมตัวผู้เกี่ยวข้องขบวนการได้ทั้งหมดแล้ว

นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ "แป้ง นาโหนด"

รองผู้การตำรวจน้ำ คาด "เสี่ยแป้ง" นั่งสปีดโบ๊ต ขึ้นฝั่งอินโดนีเซีย

มีรายงานว่า หลังจากเกิดการปะทะกับตำรวจ บนเทือกเขาบรรทัด เมื่อ 6 พ.ย. 2566 เสี่ยแป้ง ได้หลบหนีลงจากเขา โดยมีบุคคลคอยช่วยเหลือในการหลบหนี ซึ่งในตอนนั้น มีการคิดหนทางกันว่าจะหลบหนีไปยังประเทศอินโดนีเซียโดยช่องทางใด โดยมีทางเลือกอยู่ 2 ช่องทางในขณะนั้นคือทางรถยนต์และเดินทางเครื่องบิน แต่เนื่องด้วยเสี่ยแป้ง ไม่มีหนังสือเดินทางจึงไม่สามารถเดินทางด้วยเครื่องบินได้

ดังนั้น จึงได้ข้อสรุปว่าจะเดินทางด้วยเรือเร็ว จากท่าเรือแห่งหนึ่งในจังหวัดสตูล มุ่งตรงไปยังประเทศอินโดนีเซียโดย ใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมง เหตุผลที่เสี่ยแป้ง เลือกวิธีการนี้ เนื่องจากเขารู้จักกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมาย และเครือข่ายยาเสพติด จึงรู้ว่าเส้นทางดังกล่าว เป็นเส้นทางที่กลุ่มขบวนการลักลอบค้าสิ่งผิดกฎหมายใช้เส้นทางนี้ในการหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่

เสี่ยแป้งจึงเดินทางจากท่าเรือจังหวัดสตูลไปยังประเทศอินโดนีเซีย เมื่อไปถึงที่นั่นเขาก็ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวที่รู้จักกับเครือข่ายยาเสพติดที่นั่น เมื่อครั้งที่เครือข่ายยาเสพติดของประเทศอินโดนีเซีย เข้ามาเล่นวัวชนในภาคใต้ของไทยให้ช่วยอำนวยความสะดวกหาที่ัพักและจัดหาหนังสือเดินทางปลอมให้เสี่ยแป้ง ไว้ใช้ขณะหลบหนีอยู่ที่เกาะแห่งหนึ่งในประเทศอินโดนีเซีย จนกระทั่งมาจับได้เมื่อวานนี้ (30 พ.ค. 2567)

พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจน้ำ ยอมรับว่าในอดีตเคยมีการกระทำผิดทางน้ำตั้งแต่จังหวัดสตูล ไปประเทศอินโดนีเซีย ไม่ว่าจะเป็นเช่น การขนคน เช่น โรฮิงญา เพราะประเทศไทยเป็นจุดพักก่อนส่งไปประเทศที่สาม แต่ปัจจุปันไม่มีแล้วหลังจากมีการประกาศวาระแห่งชาติเรื่องการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ ในส่วนของยาเสพติด พบว่าเคยมีกรณีการนำยาเสพติดไปลอยไว้กับทุ่น โดยการติดจีพีเอส แล้วก็ให้กลุ่มผู้ซื้อผู้ขายมารับตามจุดหรือตำแหน่งที่นัดหมายกันไว้

ส่วนใหญ่จะเกิดในช่วงมรสุมที่เรือนักท่องเที่ยวและเรือประมงจะมีจำนวนน้อย จึงเป็นโอกาสของนักค้ายาเสพติดที่จะมัดเอาสินค้ายาเสพติดมาทิ้งทุ่นเอาไว้โดยติดจีพีเอสจากนั้นผู้ขายก็จะส่งตำแหน่งของยาเสพติดไปให้ผู้ซื้อหลังจากที่มีการตกลงราคากันเรียบร้อย จากนั้นเมื่อผู้ซื้อมารับตามจุดที่ทิ้งไว้ก็จะมีการโอนเงินกัน โดยยาเสพติดดังกล่าวจะถูกขนถ่ายต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย มาเลเซีย ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทยมาเลเซีย

เนื่องจากว่ามีท่าเรือปินัง เพราะจะมีขบวนการรีแพ็คกิ้ง หรือบรรจุใหม่ เพื่อนำพัสดุดังกล่าวขึ้นบนบกนำไปจำหน่ายที่มาเลเซีย เรือที่มารับยาเสพติดจะไม่ใช้เรือขนาดใหญ่แต่จะเป็นสปีดโบ๊ตเพราะคลื่นลมบริเวณดังกล่าวค่อนข้างสงบ แต่เนื่องจากปัจจุปันกองบังคับการตำรวจน้ำได้มีการสืบสวนปราบปรามอย่างเข้มข้นทำให้การซื้อขายด้านยาเสพติดลดลงเป็นจำนวนมาก

พ.ต.อ.ธรากร ยอมรับมีความเป็นไปได้ว่า เสี่ยแป้ง จะนั่งเรือสปีดโบ๊ตจากสตูลไปอินโดนีเซียได้ เพราะระยะทางไม่ไกลมาก และหากดูช่วงเวลาที่แป้ง นาโหนดหลบหนี เป็นช่วงที่ไม่ใช่ฤดูมรสุมการเดินทางโดยสปีดโบ๊ทก็สามารถเดินทางไปถึงเกาะสุมาตรา ส่วนการจะใช้เรือใหญ่ไปที่อินโดนีเซียหรือไม่นั้น มองว่าไม่ใช่เส้นทางที่เหมาะสม หากสมมุติฐานว่าไปขึ้นที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย เรือสินค้าจะไม่ไปแวะที่เกาะสุมาตรา

ย้ำว่าหากเสี่ยแป้ง ใช้เส้นทางเรือหลบหนีไปอินโดนีเซีย ก็มีความเป็นไปได้ เพราะช่วงที่หลบหนีไม่ใช่ช่วงมรสุมคลื่นลมไม่แรง ประกอบกับง่ายกว่าการหลบหนีด้วยการใช้รถหรือเครื่องบิน และเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น อีกทั้งต้องยอมรับว่าพื้นที่ธรรมชาติบริเวณน่านน้ำไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ค่อยข้างจะกว้างใหญ่ ทำให้การป้องกันค่อนข้างลำบาก

ส่วนที่เสี่ยแป้ง ตัดสินใจหลบหนีทางเรือเพราะมีสายสัมพันธ์กับกลุ่มขบวนการทำผิดกฎหมาย จึงรู้เส้นทางนั้น ต้องรอการสืบสวนสอบสวนหลังจากที่ได้ตัวเสี่ยแป้งกลับมาดำเนินคดี ส่วนจะตัดสินใจถูกหรือไม่ที่หลบหนีทางเรือ มองว่าเรื่องนี้เป็นดุลยพินิจของแต่ละบุคคลว่าเสี่ยแป้ง

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตำรวจน้ำได้ดำเนินการสืบสวนปราบปรามการลักลอบขนสินค้าผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด หรือสินค้าผิดกฎหมายทุกประเภทในทุกน่านน้ำไม่ว่าจะเป็นฝั่งอ่าวไทย อันดามัน และแม่น้ำโขง มีผลการจับกุมอย่างต่อเนื่อง