
แม่ขี่ จยย. ไปรับลูกหลังเลิกเรียน ถูกรถโม่ปูนเสยดับ ลากร่างไกลกว่า 100 เมตร
สลดรับเปิดเทอม แม่ตั้งใจขับรถมอเตอร์ไซค์ไปรับลูก หลังโรงเรียนเลิกก่อนเวลา ถูกรถโม่ปูนเสยดับ ลากร่างไกลกว่า 100 เมตร
27 พ.ค. 2567 เวลา 12 .30 น. พ.ต.ต.ประเสริฐ โชติมนต์ พงส.สภ.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถบรรทุก 10 ล้อ โม่ปูน ชนท้ายรถจักรยานยนต์จนเกิดเพลิงลุกไหม้และมีผู้เสียชีวิต บริเวณถนนซอยประชาอุทิศ 90 ด้านหน้า บ.แสงเจริญแกรนด์ จำกัด หมู่ที่ 2 ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ จึงประสานขอรถดับเพลิงจากสำนักงานเขตทุ่งครุ จำนวน 1 คัน แพทย์เวรโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เร่งเดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นถนน 3 เลน รถวิ่งสวนทางกัน บริเวณเลนมุ่งหน้าออกปากซอยประชาอุทิศ 90 พบรถยนต์บรรทุก 10 แบบโม่ปูน ยี่ห้อ ฮีโน่ สีเหลือง หมายเลขทะเบียน 53-4217 กทม.จอดอยู่บริเวณล้อหน้าด้านซ้าย พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่น สกู๊ปปี้ สี ชมพู-ขวา หมายเลขทะเบียน 6 ข ญ 8185 กทม.ถูกชนท้ายจนพังยับจนเกิดไฟไหม้ ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งลากสายฉีดน้ำสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลามไปทั่วคัน โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาทีเพลิงจึงสงบ
ตรวจสอบบริเวณล้อหลังคู่หน้าด้านซ้าย พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย ทราบชื่อภายหลัง นางสาว เปา สงวนนามสกุล อายุ 31 ปี ที่อยู่หมู่ 10 ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ สภาพศพสวมกางเกงยีนส์ขาสามส่วนสีน้ำเงิน สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีเทา สวมหมวกกันน๊อคเต็มใบสีดำ สวมถุงมือทั้ง 2 ข้างสีฟ้าสลับดำ ถูกล้อรถของรถ 10 ล้อทับบริเวณลำตัวและศีรษะ เสียชีวิตในลักษณะนอนคว่ำหน้า
บริเวณข้างรถพบ นายประสาร สงวนนามสกุล อายุ 37 ปี ที่อยู่หมู่ 6 ต.สมพือ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี คนขับรถโม่ปูน ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจสอบบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ พบรอยลากเป็นทางกว่าเกือบ 100 เมตร
จากการสอบถาม นายประสาร ให้การอ้างว่า ตนได้ขับรถโม่ปูนโดยบรรทุกปูนมาเต็มคันออกมาจากแพลนปูนแห่งหนึ่งในพื้น ต.บ้านคลองสวน เพื่อจะขับนำปูนไปส่งให้ลูกค้าในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านถนนประชาอุทิศ
ในระหว่างที่ตนขับมาในเลนปกติ พบว่าด้านหน้ารถมีรถยนต์กระบะวิ่งช้าจึงหักพวงมาลัยแซงมาทางด้านซ้าย แต่ไม่ทันเห็นรถจักรยานยนต์ของผู้ตายขี่อยู่ด้านหน้าจึงชนท้ายเข้าอย่างจัง เป็นเหตุให้รถล้มกลิ้งเข้าไปใต้ล้อ แต่ด้วยรถที่มีน้ำหนักเยอะจึงเบรคไม่อยู่ ทำให้ลากไปไกลเกือบ 100 เมตรก่อนที่ไฟจะลุกไหม้
หลังจากตนตั้งสติได้ จึงรีบลงมาจากรถตะโกนขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ รปภ.ของโรงงาน ให้มาช่วยกันดับไฟที่กำลังไหม้หน้ารถ พร้อมโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยให้รีบเดินทางมาช่วยเหลือ
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ผู้ตายเป็นชาวลาวทำงานเป็นพนักงานขายอาหารสัตว์อยู่ภายในซอยบุญรุ่ง ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากร้าน เพื่อไปรับลูกชายที่เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนวัดทุ่งครุ เนื่องจากวันนี้ทางโรงเรียนให้กลับบ้านเร็ว แต่ไปยังไม่ถึงโรงเรียนต้องมาประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตดังกล่าว ก่อนบันทึกภาพและลงบันทึกประจำวันไว้เบื้องต้นพร้อมมอบร่างผู้เสียชีวิตให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู นำส่งสถาบันนิติเวช เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายอีกครั้ง และนำตัวคนขับรถโม่ปูน ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจพร้อมดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป