ข่าว

'หนุ่มโปรดิวเซอร์'ร้องสายไหมต้องรอด' ถูกชาย'เมากร่าง'ยกพวกรุมทำร้าย'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'หนุ่มโปรดิวเซอร์' ถูกชาย'เมากร่างย'กพวกรุมทำร้ายในร้านเหล้า ไม่พอขับรถตามไล่ชน ร้อง'สายไหมต้องรอด'ช่วย

หนุ่มโปรดิวเซอร์ ร้องสายไหมต้องรอด ถูกหนุ่มสุดกร่าง ยกพวกรุมทำร้ายในร้านเหล้า ยังไม่พอขับรถตามไล่ชน แถมท้าให้ไปแจ้งความ อ้างรู้จักตำรวจทั้งโรงพัก

นายวีระเดช อายุ 38 ปี หนุ่มโปรดิวเซอร์และผู้กำกับรายการทีวี เข้าร้องทุกข์กับเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกชายที่ไม่รู้จัก ยกพวกมารุมทำร้ายในร้านอาหารจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะขับรถตามไปถึงบ้านและขับรถพุ่งชนรถของน้อง แต่ตำรวจกลับไม่ให้ความเป็นธรรม ไม่มีการจับกุมฝ่ายที่กระทำผิด และยังมีการสับเปลี่ยนผู้ต้องหาเป็นคนอื่น จนตอนนี้ตัวผู้กระทำผิดที่ทำร้ายและขับรถพุ่งชนหายตัวเข้ากลีบเมฆ

ผู้เสียหายล่าว่า 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณเที่ยงคืน ได้พาน้อง 5-6 คนไปทานข้าวที่ร้านอาหารในพื้นที่ สน.คันนายาว แล้วจู่ๆ ระหว่างนั่งรออาหารได้เพียง 5 นาที คู่กรณีซึ่งไม่รู้จักกันมาก่อน เดินเข้ามาด้านหลัง แล้วก็เอาแก้วเหล้าตีหัวได้รับบาดเจ็บอย่างแรง จากนั้นก็ถูกต่อยอีกประมาณ 3 ครั้ง และเพื่อนปาขวดใส่อีก 2 ครั้ง จนตนเองล้มลงทับเศษแก้วได้รับบาดเจ็บ ตนเองเห็นว่าไม่รู้จักกันมาก่อน จึงพยายามสอบถามว่าทำเช่นนี้ทำไม และพยายามเดินออกไปนอกร้านเพื่อที่จะเคลียร์ แต่พอเคลียร์อีกฝ่ายก็ยกพวกมาเยอะมากขึ้นกว่า 20 คน และคู่กรณียังอ้างว่าตนเองเป็นฝ่ายมองหน้าอีกฝ่ายก่อน ทั้งที่ไม่เป็นความจริง และยังพยายามพูดตลอดว่าโทรแจ้งตำรวจมาได้เลย และบอกว่ารู้จักตำรวจ สน.นิมิตรใหม่ทั้งโรงพัก จนทำให้ตนเองรู้สึกไม่ปลอดภัย จึงพาน้องๆ กลับบ้าน แต่พวกคู่กรณียังขับตามมาถึงหน้าบ้าน ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นรถจักรยานยนต์ 5-6 คัน และรถฟอร์จูนเนอร์สีขาว ตนเองได้บอก รปภ. หมู่บ้าน ว่าอย่าให้รถคันอื่นที่ไม่ใช่รถของน้องตนเองอีก 2 คันเข้ามา แต่รถฟอร์จูนเนอร์ของคู่กรณีที่จอดขวางกลับตั้งลำ

และพุ่งชนรถของน้องที่กำลังจะเข้าหมู่บ้านอย่างเต็มแรง จนรถน้องกระเด็นเข้าไปในหมู่บ้าน ก่อนจะพุ่งรถฝ่าด่าน รปภ. เข้ามาในหมู่บ้าน และอาละวาดพุ่งเข้ามาทำร้ายตนเองกับน้อ

 

จากนั้นภายในไม่ถึง 2 นาที ตำรวจ สน.นิมิตรใหม่ก็มาถึงจุดเกิดเหตุ ตนเองก็งงมาก เพราะตนเองไม่ได้โทรแจ้ง สน.นิมิตรใหม่ แต่โทรแจ้ง สน.คันนายาว แต่ตำรวจ สน.คันนายาวกลับไม่มา ส่วนตำรวจ สน.นิมิตรใหม่ กลับมาถึงพื้นที่เร็ว และทันทีที่มาถึง ผู้หญิงซึ่งเป็นพวกของคู่กรณีก็เข้าไปหาตำรวจทันที เหมือนช่วยเหลือกัน โดยตำรวจไม่ได้มาดูแลฝ่ายตนเองที่เป็นผู้ถูกกระทำเลย ตนเองพยายามชี้ตัวคนที่ต่อยตนเอง และคนที่ขับรถพุ่งชนน้องของตนเอง แต่ตำรวจ สน.นิมิตรใหม่กลับอ้างว่าไม่มีอำนาจจับกุม หนำซ้ำตำรวจยังพูดไม่ดีใส่ตนเอง ตะคอกใส่ให้ตนเองไป สน.นิมิตรใหม่ ทั้งที่คดีที่ตนเองถูกทำร้ายอยู่ในพื้นที่ สน.คันนายาว อย่างไรก็ตามตนเองก็ยอมไป หวังจะเคลียร์กับคู่กรณีที่ต่อยตนเอง แต่คู่กรณีกลับไม่ได้ไปสถานีตำรวจด้วย โดยอ้างว่าบาดเจ็บต้องไปแอดมิทไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล

ส่วนน้องของตนเองที่ถูกชน ตนเองให้รีบไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล และรีบไปแจ้งความกับสน.นิมิตรใหม่คืนนั้นเลย แต่ตำรวจกลับไม่ให้แจ้งความ แต่ให้คู่กรณีที่ทำร้ายน้องลงบันทึกประจำวันไว้ว่าขับรถโดยประมาท ใส่เกียร์ผิด เมื่อมีรุ่นพี่โทรศัพท์มาช่วยพูดกับตำรวจ ตำรวจกลับตะคอกว่า "ให้ร้องไปถึง ผบ.ตร.เลยก็ได้" ส่วนคนที่เอาแก้วฟาดหัวตนเองที่ร้านนั้น อ้างว่าลื่นล้ม แต่คลิปกล้องวงจรปิดไม่ใช่แบบนั้นเลย นอกจากนี้ยังมีการสับเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา มีคนอื่นมาสมอ้างว่าเป็นคนขับ ทั้งที่ไม่ใช่คนขับที่ตนเองเห็น

ผู้เสียหายยืนยันว่าไม่รู้จักคู่กรณีมาก่อน ส่วนที่ตนเองเปิดร้านอาหารแห่งใหม่ เพิ่งจะเปิดได้ประมาณครึ่งเดือน ก็เพิ่งจะทราบว่าอยู่ในซอยเดียวกับร้านของคู่กรณี ห่างจากร้านคู่กรณีประมาณ 1 กิโลเมตร ตนเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเกี่ยวข้องไหม แต่ตนเองมั่นใจว่าคู่กรณีรู้จักตนเองและตั้งใจมาทำร้ายตนเองแน่นอน ตอนนี้ตนเองและน้องรู้สึกไม่ปลอดภัยมาก เพราะแม้จะอยู่ในบ้านของตนเอง แต่อีกฝ่ายกลับบุกเข้ามาทำร้ายถึงในบ้านได้อย่างอุกอาจ ตำรวจมาก็ทำอะไรไม่ได้ จนถึงตอนนี้ตนเองก็รู้สึกไม่ได้รับความช่วยเหลือจากตำรวจเท่าไหร่ โดยส่วนของ สน.คันนายาว พื้นที่เกิดเหตุจุดแรก ตำรวจบอกว่าต้องรอเรียกตนเองไปสอบปากคำ และใบรับรองแพทย์ ส่วนกล้องวงจรปิด ตำรวจบอกให้ตนเองไปขอเองที่ร้าน ส่วน สน.นิมิตรใหม่ หลังจากคืนแรกที่พาน้องไปแจ้งความแล้วแต่ตำรวจไม่รับแจ้ง เมื่อวานตนเองก็พาน้องที่ถูกชนไปแจ้งความอีก และขอแจ้งข้อหาพยายามฆ่าเลย เพราะคู่กรณีมีเจตนาถอยรถตั้งหลักและพุ่งชน และยังตามเข้าไปในบ้านอีก เจตนาชัดเจน ไม่ได้ประมาทตามที่ลงบันทึกประจำวันไว้ ซึ่งตนเองก็เอาคลิปวงจรปิดให้ตำรวจดู แต่ตำรวจกลับบอกว่า "ไม่ต้องดูหรอก ดูไปผมก็ไม่รู้เรื่อง" 

 

ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้ประสานสอบถามไปยังพันตำรวจเอกสุทธิพร สุกก่ำ ผู้กำกับการ (สอบสวน) กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 รักษาราชการแทนผู้กำกับการ สน.นิมิตรใหม่ แล้ว ซึ่งพันตำรวจเอกสุทธิพร ก็ยืนยันว่าทาง สน.นิมิตรใหม่รับแจ้งความคดีนี้ไว้แล้ว และพรุ่งนี้พนักงานสอบสวนจะเรียกผู้เสียหหายสอบปากคำ ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาที่อ้างว่าใส่เกียร์ผิด ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะกล่าวอ้างอย่างไรก็ได้ แต่จากที่ได้เห็นคลิปวงจรปิดแล้ว ตำรวจไม่เชื่อว่าใส่เกียร์ผิด น่าจะเป็นเรื่องการจงใจมากกว่า และได้รายงาน ผบก.น. 3 ให้ทราบแล้ว ส่วนเรื่องการเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา ก็จะตรวจสอบ หากมีการเปลี่ยนตัวจริง ก็จะเข้าข่ายให้การเท็จด้วย ยืนยันว่าตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายแน่นอน พร้อมบอกด้วยว่า การทะเลาะกันในร้านอละยังขับรถตามมาทำร้าย เป็นการคุกคาม ต้องดำเนินคดี พร้อมยืนยันไม่รู้จักกับคู่กรณีแน่นอน

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ