'สารวัตรแจ๊ะ' ถอดหมวกไหมพรม เดินหน้าสู้
'สารวัตรแจ๊ะ' ถอดหมวกไหมพรม เดินหน้าสู้ 'ยื่นฟ้อง' ทนายคู่กรณีโพสต์ 'หมิ่นประมาท' พร้อมเปิดใจถึงกรณีที่ถูกใส่ร้าย
วันที่ 22 เม.ย.2567 เวลา 13.50 น. ที่ ศาลอาญา ทนายอาชิรญาณ์ ธนาพีระพงศ์ พร้อมด้วย สารวัตรแจ๊ะ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.สส.3 บก.สส.บช.น. ยื่นฟ้อง ทนายรัชพล ในข้อหา หมิ่นประมาท โดยการโฆษณา ต่อ ศาลอาญา หลังจากเมื่อวานนี้ (21 เม.ย. 67) ทนายรัชพล โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวหา สารวัตรแจ๊ะ ว่าจับแพะ ติดคุกฟรีปีกว่า
โดย สารวัตรแจ๊ะ กล่าวว่า คดีที่ ทนายรัชพล โพสต์ข้อความใส่ร้ายตนเองนั้น การจับกุมจำเลยในคดีดังกล่าวตนได้ทำไปตามหลักของการสืบสวน ไม่ได้มีการใส่ร้ายหรือกลั่นแกล้ง ตนมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ศาลพิจารณา แม้คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นจะยกฟ้อง ก็ยกฟ้องด้วยเหตุสงสัย
ต่อมาศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานหลักฐานของจำเลยไม่อาจหักล้างหลักฐานของโจทก์ได้ จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด จำคุก 2 ปี และเนื่องจากจำเลยมีประวัติความผิดเกี่ยวกับคดีอาญา เป็นเหตุให้เพิ่มโทษหนึ่งในสาม โทษจำคุกจึงเป็นจำคุก 2 ปี 8 เดือน
แม้ต่อมาศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง ก็ยกฟ้องด้วยเหตุสงสัย ไม่ได้ยกฟ้องเพราะเห็นว่ามิได้กระทำความผิดโดยศาลวินิจฉัยพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมา ยังมีความสงสัยตามสมควรว่า จำเลยได้กระทำความผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้น ให้จำเลย
การมาฟ้องในวันนี้ถือเป็นการปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง เพราะทุกวันนี้ผมทำงานมีหน้าที่ปกป้องประชาชน ถ้าวันนี้ผมปกป้องตัวเองไม่ได้ ผมจะไปปกป้องคนอื่นได้ยังไง
กรณี ที่ถูกกล่าวหาว่า นําผู้ต้องหาไปเซฟเฮ้าส์นั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากชุดจับกุมดําเนินการตามขั้นตอนและปฏิบัติตามหมายจับของศาลจังหวัดมุกดาหาร หลังจับผู้ต้องหาได้คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.กกตูม ทันที โดยไม่มีการพาตัวไปเซฟเฮ้าส์หรือเรียกมาสอบปากคําตามคํากล่าวอ้างแต่อย่างใด หากเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใดทนายคู่กรณีจึงไม่แนะนำให้ลูกความดำเนินคดีกับตนฐานกักขังหน่วงเหนี่ยว จึงไม่ทราบว่าการออกมาโพสต์ต้องการอะไรกันแน่
อีกทั้งยังฝากบอกและทำความเข้าใจกับประชาชนว่า การเป็นตำรวจนั้นไม่ได้จบแค่เพียงการจับกุมคนร้ายเท่านั้น นอกจากต้องมาต่อสู้คดีกับผู้ต้องหาและต้องมาเจอทนายความแบบนี้อีก
ด้าน ทนายอาชิรญาณ์ กล่าวว่า วันนี้มาฟ้องคดีอาญา ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและฟ้องคดีแพ่ง เรียกค่าเสียหายจํานวน 5 ล้านบาท ส่วนตัวมั่นใจในพยานหลักฐาน
นอกจากนี้ยังทราบอีกว่า มีการเกลี้ยกล่อมให้แม่เด็ก 5 ขวบ ขณะนั้น ที่เป็นผู้เสียหายคดีอนาจาร ให้กลับคําให้การเพื่อปรักปรําเจ้าหน้าที่ตํารวจ หวังนําเงินชนะคดี 5 ล้านบาท แบ่งคนละครึ่งด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากคู่กรณีขอไกล่เกลี่ยจะยอมความหรือไม่ สารวัตรแจ๊ะ กล่าวว่า ยังไม่ขอตอบ แต่หากชนะคดี จะนําเงินที่ได้มาใช้ในการสืบสวนสอบสวนเพื่อเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนต่อไป
ทั้งนี้ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้องคดีที่ สารวัตรแจ๊ะ ยื่นฟ้องในวันนี้ วันที่ 2 ก.ย.2567