ประกาศ 'เขตภัยพิภัย' โรงงานสมุทรสาคร ซุก 'กากแคดเมียม' 1.5 หมื่นตัน
ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ลุยตรวจโรงงานเก็บ 'กากแคดเมียม' สั่งส่งย้อนกลับต้นทาง จ.ตาก พร้อมประกาศอาคารโรงงานเป็นเขตภัยพิบัติห้ามเข้าใกล้โดยเด็ดขาด
จากกรณี กรรมาธิการ(กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร แถลงข้อเท็จจริงตามที่มีผู้ร้องเรียนว่า มีบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดตาก ได้ขายกากแร่สังกะสีและกากแร่แคดเมียมที่ฝังกลบใน จ.ตากให้กับบริษัทหนึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จ.สมุทรสาคร จำนวนกว่าหมื่นตัน ซึ่งถือว่าส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง เนื่องจากกากแร่ดังกล่าวเป็นสารก่อมะเร็ง การขนย้ายจากบ่อฝั่งกลบ ใน จ.ตาก มาที่ จ.สมุทรสาคร ถือเป็นการกระทำความผิดที่รุนแรงมาก จะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบด้านสุขภาพอนามัย เพราะเก็บใส่ถุงบิ๊กแบ็คในอาคารและนอกอาคารพันกว่าถุง จึงต้องการให้ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ประกาศเขตภัยพิบัติฯ
ล่าสุด นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายพุทธิกรณ์ วิชัยดิษฐ อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 5 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร เข้าตรวจสอบที่บริษัทแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.บางน้ำจืด อำเภอเมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่นำกากแร่แคดเมียมจาก จ.ตาก เข้ามากักเก็บไว้
หลังเข้าตรวจสอบภายในโรงงาน ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า มีกากแร่แคดเมียมที่มาจากทางจังหวัดตากจริงโดยมีอยู่ราวๆ 15,000 ตัน ทางอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ได้ทำการอายัติไว้แล้ว ซึ่งกากแคดเมียมส่วนใหญ่จะถูกเก็บไว้ในตัวอาคาร มีกองอยู่ภายนอกตัวอาคารบางส่วนราวๆ 100 ถุง ที่ต้องนำเข้าไปเก็บในตัวอาคารให้เรียบร้อย
หลังจากนี้ทางผู้ว่า ฯ สมุทรสาครจะออกคำสั่งประกาศเป็นเขตภัยพิบัติโดยห้ามบุคคลหรือสิ่งอื่นใด เข้าไปภายตัวอาคาร รวมถึงห้ามมีการหล่อหลอมแคดเมียมโดยเด็ดขาด และให้ทางอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ออกคำสั่งขนย้ายกากแร่แคดเมียมทั้งหมดออกจาก จ.สมุทรสาคร เพื่อส่งกลับไปยังบริษัทต้นทางที่ จ.ตาก เนื่องจากกากแร่ตัวนี้ตาม EIA แล้ว ห้ามขนย้ายออกมาจาก จ.ตาก โดยจะให้เวลารีบดำเนินการภายใน 7 วันนับจากนี้
ส่วนกากแร่แคดเมียมถูกขนย้ายมาอยู่ที่โรงงานใน จ.สมุทรสาครได้อย่างไรนั้น ต้องไปตรวจสอบที่อุตสาหกรรมจังหวัดตาก ซึ่งเป็นผู้อนุญาตให้ขนย้ายออกมา
ด้านนายพุทธิกรณ์ วิชัยดิษฐ อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่า โรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานที่ได้รับอนุญาตให้กักเก็บและบดย่อยกากอุตสาหกรรมและหล่อหลอมอะลูมิเนียมเท่านั้น แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้หล่อหลอมกากแคดเมียม ดังนั้นการกระทำของโรงงานจึงถือว่ามีความผิดฐานประกอบการ(หล่อหลอมแคดเมียม)โดยไม่ได้รับอนุญาต และยังเก็บวัตถุเป็นพิษโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกด้วย มีโทษสูงสุดทั้งจำและปรับ
ในส่วนของกากแคดเมียม เป็นกากที่ถูกทำลายฤทธิ์แล้วก่อนลงสู่หลุมฝังกลบที่จังหวัดตาก แต่การนำออกจากหลุมที่จังหวัดตากมาที่ จ.สมุทรสาคร เพื่อทำการหล่อหลอม เป็นสิ่งที่กระทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบด้วยว่า สารแคดเมียมมีการกระจายออกสู่ภายนอกตัวอาคารหรือไม่ , สาธารณสุขมีการตรวจหาว่ามีผู้ได้รับผลกระทบจากสารแคดเมียมหรือไม่ และ ปทส.ทำการสอบโดยเชิงลึกว่า มีการหล่อหลอมกากเหล่านี้ไปบ้างแล้วหรือไม่
ขณะที่ตัวแทนโรงงาน ให้ข้อมูลว่า กากแคดเมียม ทั้งหมดมีการขนย้ายเข้ามาเก็บกองไว้ที่โรงงานตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 โดยใช้เวลากว่า 3 เดือน ซึ่งหลังจากที่หน่วยงานราชการเข้าตรวจสอบแล้วสั่งให้ขนย้ายกากแคดเมียมทั้งหมดเข้าไปภายในตัวอาคารก่อน โดยจะดำเนินการให้เสร็จภายในวันเดียว
ส่วนเรื่องของการขนย้ายกลับไปยัง จ.ตาก ภายใน 7 วันนั้น จะรีบดำเนินการโดยเร็วที่สุด ส่วนที่โรงงาน มีการนำ กากแคดเมียมทั้งหมดมาทำอะไรนั้น ทางตัวแทนโรงงานระบุว่าต้องสอบถามกับเจ้าของโรงงาน
ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร รายงานเบื้องต้นว่า จากการเข้าตรวจสอบบริษัทดังกล่าว พบว่า ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงานทั้งสิ้น 3 ใบอนุญาต โดยทั้งหมดประกอบกิจการหล่อและหลอมโลหะประเภทต่างๆ
ซึ่งจากการตรวจสอบโรงงาน พบกากแคดเมียมและกากสังกะสีบรรจุอยู่ในถุงบิ๊กแบ็คสีขาว จำนวนประมาณ 1,300 ถุง และพบอยู่ภายนอกโรงงานอีก 100 ถุง เจ้าหน้าที่ได้ให้ผู้ประกอบการเคลื่อนย้ายกากแคดเมียมที่อยู่ภายนอก เข้าไปในโรงงานโดยเร็วที่สุด
ส่วนอีกโรงงาน ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงงานแรก พบกากอลูมิเนียมอยู่ภายในโรงงาน และมีกากแคดเมียมและกากสังกะสีจำนวน 9 ถุง เจ้าหน้าที่ได้ให้ผู้ประกอบการเคลื่อนย้ายกากแคดเมียมและกากสังกะสีจำนวน 9 ถุงนำไปเก็บไว้ที่โรงงานแรกโดยด่วน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบโรงงานที่ 3 พบกากแคดเมียมและกากสังกะสีอีก 227 ถุง อยู่ภายในโรงงาน ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมมลพิษ ให้ความเห็นว่ากากแคดเมียมและกากสังกะสี ดังกล่าวจะผสมด้วยปอร์ตแลนด์ซีเมนต์ 30 % เพื่อทำลายฤทธิ์ และอยู่ในสถานะแข็งตัว หากเก็บไว้ในสถานที่มิดชิดและไม่มีการชำระล้าง จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ขณะที่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 35 และมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 อายัดกากแคดเมียมและกากสังกะสีที่พบทั้งหมดอยู่ภายในบริษัทดังกล่าว และมีคำสั่งระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ห้ามนำกากแคดเมียมและกากสังกะสีเข้าสู่กระบวนการผลิต ให้ปรับปรุงแก้ไขโรงงานเก็บ และดำเนินคดีฐานประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครในฐานะผู้อำนวยการจังหวัดใช้อำนาจตามมาตรา 29 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ออกประกาศห้ามมิให้บุคคลใด ๆ เข้าไปอยู่อาศัยหรือดำเนินกิจการใดในพื้นที่โรงงานทั้ง 2 แห่ง เป็นระยะเวลา 90 วัน
สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาครใช้อำนาจตาม ม.37 วรรคหนึ่ง ของ พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 สั่งให้นำกากแคดเมียมและกากสังกะสีทั้งหมดกลับไปฝังกลบในบ่อเก็บตามเดิม
สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรสาครดำเนินคดีกับผู้ประกอบการตามมาตรา 53 ของพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 ในฐานความผิดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตาม ม. 8 โดยไม่บริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย
กรมควบคุมมลพิษ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 5 และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร ได้เก็บตัวอย่างน้ำในโรงงานและบริเวณโดยรอบโรงงานไปตรวจสอบหาสารปนเปื้อน จะทราบผลใน 2 สัปดาห์
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ได้ตรวจคัดกรองและตรวจหาสารแคดเมียมในปัสสาวะของพนักงานโรงงานว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่ จะทราบผลใน 1 สัปดาห์
องค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำจืด ได้ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นตรวจสอบอาคารโรงงานว่าเป็นไปตามกฎหมายควบคุมอาคารหรือไม่
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ดำเนินการสืบสวนการกระทำความผิดอาญาที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าว
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบจากสารแคดเมียมในบริเวณดังกล่าว
น.ส.ณัฏฐนันท์ ศิริสันติวรกุล จ. สมุทรสาคร