'นายกฯ' กำชับให้ มูฟออนความขัดแย้ง 2 'บิ๊กตำรวจ'

วันที่ 26 มี.ค.2567 นายเศรษ​ฐา​ ทวี​สิน​ นายก​รัฐมนตรี ​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​การคลัง​  กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 2/2567 ว่า ในที่ประชุมได้กำชับเรื่องความขัดแย้งระหว่าง บิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์​ สุขวิมล​ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์​ หักพาล​ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่า ในที่ประชุมวันนี้ย้ำชัดเจน ขอให้ตำรวจทุกนายกลับไปปฏิหน้าที่ดูแลประชาชน​เป็นหลัก ขอให้เรื่องคดีของทั้ง 2 ท่านเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมโดยไม่มีการแทรกแซง

 

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ระหว่างการหารือ ก.ตร. วันนี้ ได้เชิญ นายฉัตรชัย​ พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และพล.ต.อ.วินัย​ ทองสอง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ออกจากห้องประชุม นอกจากนี้ ในที่ประชุม​ยังได้พูดคุยเรื่องการพัฒนาบุคลากรและอีกหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับชัดเจนทุกฝ่าย เห็นด้วยว่าควรจะมูฟออนได้แล้ว​

อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อมูลที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด​ ทนายความ ออกมาเปิดเผยว่า มี นายตำรวจ หลายนายเกี่ยวข้องกับการรับเงินจากเว็บไซต์พนันออนไลน์ จะต้องนำมาพิจารณาในคณะกรรมการตรวจสอบด้วยหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า จะไม่ยุ่งเรื่องดังกล่าวแล้ว เพราะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง

 

ส่วนกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ​ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก​ว่า ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากนายกรัฐมนตรี จึงยกเลิกการเดินทางไปประเทศอังกฤษ​นั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า จำไม่ได้ว่าเป็นเรื่องอะไร ถือเป็นเรื่องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ลาราชการไว้ก่อนแล้ว เมื่อมีคำสั่งก็สามารถยกเลิกหรือขอไปใหม่ได้ ตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน​ ไม่มีเวลาไปดูรายละเอียดว่ายกเลิกหรือไม่ ​เพราะเป็นข้าราชการคนหนึ่ง ยังมีอีกหลายภาคส่วนที่นายกฯต้องไปดูแล เชื่อว่า ทุกคนปฏิบัติตามกฎ

 

ด้าน บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวยืนยัน ว่า ไม่ได้ให้ผู้ใต้บังคับการบัญชาที่เป็นนายตำรวจระดับผู้กำกับการโทรศัพท์ไปขอข้อมูลกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่เกี่ยวพันกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก่อนที่ ทนายตั้ม จะมีการตั้งโต๊ะแถลงเปิดโปงข้อมูลเส้นทางการเงินของส่วยต่างๆ รวมถึงเว็บพนันออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับ นายตำรวจใหญ่

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ส่วนข้อมูลที่ ทนายตั้ม ออกมาแฉก็จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนจะนำไปมอบให้บุคคลใดก็สามารถทำได้ รวมทั้ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพราะใครทำอะไรพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง หากไปกระทบสิทธิ์บุคคลที่สาม บุคคลนั้นก็สามารถใช้สิทธิตามกฎหมาย เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างบุคคล ส่วนตัวผมยังไม่ทราบรายละเอียด

 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวต่อว่า การกล่าวหาองค์กรท่านพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบ และยังไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือไม่ เชื่อว่าทาง พล.ต.อ. ที่ถูกพาดพิง คงจะใช้สิทธิ์ของท่าน

 

“ข้อมูลที่ ทนายตั้ม เปิดเผยนั้น ไม่เคยได้ยินมาก่อน ส่วนการกล่าวหา 3 องค์กรตำรวจ หากได้รับรายงานก็จะให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบ การกล่าวอ้างหากไม่มีหลักฐานก็ให้ฝ่ายกฎหมายเสนอและพิจารณาดำเนินคดีไปตามขั้นตอน ย้ำใครพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบ” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูแล้วเรื่องขัดแย้งครั้งนี้ 2 ฝ่าย ยังไม่ยอมจบ โดยมีการส่งลูกน้องหรือคนใกล้ชิดออกมาโต้แย้งกันนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ หัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า “ผมทำงาน ทำเพื่อประชาชน จับกุมคดีที่ผิดกฎหมาย ส่วนความขัดแย้งของใครก็ว่ากันไป ในฐานะรักษาการ ผบ.ตร. ขอทำงานดีกว่า ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ขอให้ประชาชนช่วยในเรื่องการทำงาน คอยเป็นหูเป็นตา”

 

อย่างไรก็ดี  รักษาการ ผบ.ตร. กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ลอยตัว ตัวใหญ่ขนาดนี้และไม่หนีปัญหา ตราบใดที่ยังเป็นรักษาการ ผบ.ตร. และมีบทบาทหน้าที่ตามคำสั่งนายกฯ จะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ไม่หนีปัญหาแน่นอน

 

เมื่อถามว่า การที่ ทนายตั้ม จะมอบหลักฐานให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งจะต้องเปลี่ยนพนักงานสอบสวนหรือไม่นั้น รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า ต้องรอดูและตรวจสอบความชัดเจนก่อน หากจะนำมายื่นให้ตนเอง มองว่า ตร. มีหน่วยงานรับเรื่องราวร้องทุกข์อยู่แล้ว มีขั้นตอนกระบวนการตรวจสอบรับเรื่อง หากมีคนมาร้องเรียนไม่ว่าใครก็ยินดีน้อมรับและให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณา ส่วนจะให้น้ำหนักข้อมูลที่ ทนายตั้ม ออกมาแฉหรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ยืนยันไม่กังวลใจ