
แจ้ง 2 ข้อหา ชายโผล่ 'ใช้หมวกกันน็อคฟาดรถบนทางด่วน' อ้างฉุนไม่ยอมให้ติดรถ
ตำรวจทุ่งมหาเมฆ คุมตัวชายโผล่ โบกรถบนทางด่วน ก่อน 'ใช้หมวกกันน็อคฟาดเก๋ง' อ้างฉุนไม่มีใครยอมจอดให้ติดรถไปด้วย เจอแจ้ง 2 ข้อหา
11 มี.ค. 2567 จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปภาพจากกล้องหน้ารถ เป็นเหตุการณ์ขณะที่ขับรถขึ้นทางด่วนบริเวณด่านเลียบแม่น้ำ ถนนพระราม 3 ช่องนนทรี กทม. ขณะที่คนขับรถผ่านด่านมาได้เล็กน้อย ปรากฎว่ามีชายวัยกลางคนรายหนึ่ง ยืนขวางถนน ทำให้ต้องชะลอความเร็ว ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะแสดงพฤติกรรมคุกคาม ด้วยการตะโกนว่า "ไปลงด้วยได้ไหมขอลงหน่อย ขอไปลงข้างหน้าหน่อย" แต่เจ้าของรถผู้เสียหายไม่เปิดประตูให้ และพยายามขับรถออกจากจุดเกิดเหตุ จากนั้นชายวัยกลางคน ได้ใช้หมวกกันน็อคฟาดใส่กระจกฝั่งผู้โดยสารด้านหลัง อย่างแรง จากนั้นผู้เสียหายได้เดินทางเข้าแจ้งความที่ สน.ทุ่งมหเมฆ
จากนั้นตำรวจชุดสืบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ลงพื้นที่ติดตามจับกุมตัวชายปริศนาคนดังกล่าว ได้ที่ย่านซอยรามคำแหง 81 กรุงเทพมหานคร และนำตัวมาสอบปากคำที่ห้องสืบสวน นานกว่า 3 ชั่วโมง
จากการสอบถาม ผู้ต้องหา ให้การว่า สาเหตุที่ขึ้นไปบริเวณทางด่วน เพราะต้องการรอรถ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้โบกรถมาหลายคัน แต่ไม่มีใครจอดรับ ยอมรับ สาเหตุที่ตัดสินใจใช้หมวกกันน็อคฟาด รถของผู้เสียหาย เพราะ ไม่มีน้ำใจ พร้อมปฏิเสธที่จะขอโทษ
ด้าน น.ส.แก้ม วัย 35 ปี ผู้เสียหาย ยอมรับว่า ขณะเกิดเหตุ เห็นชายคนดังกล่าว ยืนอยู่บริเวณไหล่ทางฝั่งซ้าย ยืนยันว่า ตนตั้งใจว่าไม่รับชายคนดังกล่าวตั้งแต่ต้น เนื่องจาก เดินทางมาเพียงลำพัง และเกรงในเรื่องความปลอดภัย แต่ด้วยสถานการณ์บีบบังคับ และรถที่ขับตามมาเบียดเข้ามา ทำให้ตัวเองตัดสินใจชะลอรถ พร้อมเปิดไฟฉุกเฉิน
ก่อนที่ผู้เสียหาย จะเดินเข้ามาดึงประตูรถ แต่โชคดีที่ตัวเองล็อครถไว้ จากนั้น ชายคนดังกล่าวได้ตะโกนมาตามคลิป และก่อเหตุใช้หมวกฟาดมาที่รถอย่างแรง ยอมรับว่ารู้สึกตกใจอย่างมาก
ส่วนบริเวณที่ถูกชายคนดังกล่าวใช้หมวกกันน็อคทุบมาที่กระจกเสียหายเล็กน้อย โดยจะให้ประกันดูแลต่อไป และจากการพูดคุยกับ ชายผู้ก่อเหตุ พบมีอาการคล้ายสติไม่ดี
ส่วนที่ ผู้ก่อเหตุ ระบุว่าสาเหตุที่เอาหมวกกันน็อคฟาด เพราะไม่มีน้ำใจ น.ส.แก้ม ระบุว่า ก็ทราบมาว่าเป็นแบบนั้น แต่ไม่เป็นไร ส่วนตัวก็มีสิทธิ์จะเลือก ว่าจะช่วยเหลืออะไรใครแค่ไหน ตัวเองอาจจะโชคร้ายที่จังหวะหลบเลี่ยงไม่ได้ และพร้อมยกโทษให้ เพราะเห็นว่าเป็นคนสติไม่ดี ไม่สามารถไปเอาเรื่องอะไรได้ ส่วนเรื่องคดีจะมี 2 ทาง คืออาญาและแพ่ง ในทางอาญาอาจจะมองว่าเขาไม่ปกติ อาจจะยอมความไป แต่ในทางแพ่งก็ให้บริษัทประกันเป็นผู้รับผิดชอบว่าจะทำอย่างไรต่อทางกฎหมาย
ด้าน พ.ต.อ.พนม เชื้อทอง ผู้กำกับการ สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ ระบุว่า จากการสอบปากคำผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพ ซึ่งจะดำเนินคดีใน 2 ข้อหาคือ
1.ทำให้เสียทรัพย์
2.ข่มขู่ทำให้ตกใจกลัว
เบื้องต้นผู้ก่อเหตุได้ขอโทษผู้เสียหายแล้วหลังจากนี้จะเป็นกระบวนการสอบปากคำเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วนผู้ก่อเหตุจะมีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ อยู่ระหว่างประสานขอข้อมูลจากครอบครัวแต่จากการสอบปากคำพบว่าผู้ก่อเหตุมีอารมณ์ฉุนเฉียวบ้างในบางช่วง แต่ภาพรวมยังถือว่าอยู่ในอาการปกติ