โรงแรม จุดดวลเดือด ‘กะเทยไทย-กะเทยฟิลิปปินส์’ สุขุมวิท 11 โอดเสียหายหนัก

วันที่ 5 มี.ค. 2567 เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ หน้าโรงแรม ในซอย สุขุมวิท 11 จุดที่ กะเทยไทย บุกทวงศักดิ์ศรี หลังถูก กะเทยฟิลิปปินส์ รุมทำร้าย โดยพบว่า ทาง โรงแรม ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

นายอำนาจ หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของโรงแรม เปิดเผยว่า ปกติ โรงแรม มีลูกค้าหลายเชื้อชาติ ลูกค้าฟิลิปปินส์ก็มี แต่ไม่มาก ประมาณ 5-6 คนเท่านั้น เท่าที่เคยสอบถามกลุ่มฟิลิปปินส์ที่เข้าพัก ทราบว่าเดินทางมาทำศัลยกรรมที่ประเทศไทย เคยเห็นว่าร่องรอยการผ่าตัดบนใบหน้าแทบทุกคน เมื่อได้รับการผ่าตัดจนหายดีแล้ว จะเดินทางกลับไป หลังจากนั้นจะมีชาวฟิลิปปินส์มาพักอาศัยหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ สำหรับเอกสารที่จะเช็คอินเข้า โรงแรม มีเพียงพาสปอร์ตเท่านั้น ไม่ได้ใช้วีซ่า เพราะชาวเอเชียด้วยกันไม่ต้องใช้วีซ่า จึงไม่ต้องตรวจสอบดูว่ากลุ่มคนเหล่านี้มาพักด้วยวีซ่าอะไร

นายอำนาจ กล่าวต่อว่า พนักงานต้อนรับที่ไปช่วยห้ามโดนลูกหลงได้รับบาดเจ็บ นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และรถจักรยานยนต์ของพนักงานที่จอดอยู่บริเวณด้านหน้าได้รับความ เสียหาย และมีกลุ่ม กะเทยไทย ที่เข้าไปลงทำร้าย กะเทยฟิลิปปินส์ ถึงในลิฟต์ โรงแรม ทำให้ ทรัพย์สินเสียหาย และลิฟต์ได้รับความเสียหาย

“ตอนนี้ได้ส่งมอบภาพจากกล้องวงจรปิดให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจหมดแล้ว รอให้เจ้าของเข้ามาประเมิน ความเสียหายและตัดสินใจว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อ เพราะ โรงแรม ได้รับ ความเสียหาย มากเช่นกัน”นายอำนาจ กล่าว

นายอำนาจ กล่าวต่อว่า จากกระแสที่บอกว่าทางโรงแรมช่วยปกป้อง กะเทยฟิลิปปินส์ ความจริงไม่ได้ช่วยปกป้อง แต่ดูแลในฐานะเป็นลูกค้าของทาง โรงแรม จะให้กลุ่มบุคคลภายนอกมาสร้างความรุนแรงให้กับลูกค้าใน โรงแรม ไม่ได้ โดยกลุ่ม กะเทยฟิลิปปินส์ จะเข้ามาพักอาศัยเพียง 3-4 วันเท่านั้น จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเรื่อยๆ

โดยเวลา 05.00 น. วันนี้ เจ้าหน้าที่จากสถานทูตเข้ามารับกลุ่ม กะเทยฟิลิปปินส์ ที่พักอาศัยอยู่ใน โรงแรม ออกไปทั้งหมดแล้ว เท่าที่ทราบ กะเทยฟิลิปปินส์ ถูกทำร้ายอาการหนักหลายคนเหมือนกัน

“ส่วนตัวมองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เหมาะสมที่มาใช้ความรุนแรงกันแบบนี้ เพราะมีคนได้รับผลกระทบ เสียหาย ด้วย ไม่ว่าจะเป็นใครหรือเชื้อชาติใดไม่ควรใช้กำลัง ทราบว่าข่าวที่เกิดขึ้นได้เผยแพร่ไปยังประเทศฟิลิปปินส์ และกำลังเป็นที่พูดถึงในประเทศฟิลิปปินส์อย่างมาก ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย”นายอำนาจ กล่าว