ข่าว

'ฝรั่งเตะหมอ' จ่อลาม ธนกฤต สั่งสอบ ทั้งหาด หากผิดไล่รื้อ ถอนเอกสารสิทธิ์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'ฝรั่งเตะหมอ' ส่อบานหนัก ผู้ช่วยรัฐมนตรี เรียกกระทรวงทรัพย์ฯ DSI ร่วมตรวจสอบ เล็งขยายผลตรวจสอบพื้นที่ทั้งหาดกว่า 100 ไร่ หากผิดจริงไล่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและเพิกถอนเอกสารสิทธิ์

4 มี.ค. 2567 นายกองตรี ธนกฤต จิตอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ประจำรองนายกรัฐมนตรี  พร้อมด้วยนายชีวภาพ ชีวธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และตัวแทนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI รับเรื่องร้องเรียนจากนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ ที่ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับ กรณี ฝรั่งเตะหมอ บริเวณริมชายหาดในจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากมีข้อสงสัยว่าเจ้าตัวมีเอกสารการเดินทางเข้าประเทศถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ รวมถึงที่มาของเงินรายได้ที่ใช้ในการเช่าและเปิดปางช้าง รวมถึงการเช่าใช้ที่ดินบริเวณริมชายหาดที่เกิดเรื่องว่าที่ดินดังกล่าวได้มาโดยถูกต้องหรือไม่

 

นายกองตรี ธนกฤต เปิดเผยว่า เบื้องต้นมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เข้ามาตรวจสอบกรณีดังกล่าวโดยจะให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตรวจสอบว่ามีการบุกรุกพื้นที่สาธารณะหรือพื้นที่ป่าไม้เดิมหรือไม่ และมีการใช้เอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก ตรงตามวัตถุประสงค์บนที่ดินดังกล่าวด้วยหรือไม่ 

นายกองตรี ธนกฤต จิตอารีรัตน์  ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ประจำรองนายกรัฐมนตรี

 

 

ในส่วนนี้จะให้กองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ช่วยตรวจสอบดำเนินคดีดังกล่าวหากเข้าข่ายความผิด นอกจากนี้จะมีการตรวจสอบว่าเข้ามาทำอาชีพถูกต้องตามที่ทำหนังสือเอกสารไว้กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอย่างไร  และจะตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ใช้จ่ายในการเช่าบ้านและธุรกิจบางครั้งต่างๆ แต่ในส่วนนี้พบว่าอาจเข้าข่ายความผิดคดีอาญาระหว่างประเทศจึงต้องให้กองการต่างประเทศของ DSI เข้ามาช่วยดูคดีนี้ด้วย 

 

โดยหลังจากที่ผู้ร้องส่งหนังสือร้องเรียนเข้ามาจะให้เจ้าหน้าที่ของสำนักนายกรัฐมนตรีส่งหนังสือดังกล่าวไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เริ่มดำเนินการสืบสวนสอบสวนตรวจสอบได้ทันที โดยจะให้เจ้าหน้าที่หน่วยต่างๆไปตรวจสอบว่ามูลค่าความเสียหาย ขณะที่ดินและพฤติการณ์ต่างๆเข้าข่ายความผิดใดของหน่วยงานใดบ้างซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนที่จะลงพื้นที่ไปดูสถานที่จริงในจังหวัดภูเก็ต ในวันอังคารหน้า

 

 

ฝรั่งเตะหมอ จ่อลาม ธนกฤต สั่งสอบ ทั้งหาด หากผิดไล่รื้อ ถอนเอกสารสิทธิ์

 

 

แต่สิ่งแรกที่ต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนคือการปลูกสร้างต่อขยายสิ่งปลูกสร้างลุกลามเข้าไปในพื้นที่สาธารณะหรือพื้นที่ของทะเล ซึ่งขณะนี้หน่วยงานท้องถิ่นได้ดำเนินการไปแล้วแต่ต้องไปตรวจสอบพื้นที่ในบริเวณนั้นทั้งหาดว่ามีการปลูกสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเข้ามาเหมือนบ้านของผู้ก่อเหตุรายนี้หรือไม่ 

 

 

ฝรั่งเตะหมอ จ่อลาม ธนกฤต สั่งสอบ ทั้งหาด หากผิดไล่รื้อ ถอนเอกสารสิทธิ์

 

 

ด้านผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินตามเอกสาร นส. 3 ก ซึ่งเป็นที่ดินที่ไว้ใช้เพื่อการเกษตร  แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าที่ดินดังกล่าวไม่ได้มีการปลูกหรือผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรใดๆ จึงต้องตรวจสอบเพิ่มเติมให้ลึกลงไปว่าต้นฉบับของเอกสารดังกล่าวถูกออกให้โดยใครและเจ้าของที่ดินคือใคร

 

ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 พบว่าพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นป่าไม้อยู่ และการตรวจสอบในระยะล่าสุดก็พบว่ายังเป็นพื้นที่ป่าแต่เหตุใดจึงมีการออกเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวจนปลูกสร้างเป็นสถานที่พักอาศัยบนพื้นที่นับร้อยไร่ได้ ซึ่งหากจะตรวจสอบเจ้าหน้าที่จะไม่ได้ตรวจสอบที่ดินของชาวต่างชาติคนนี้เพียงอย่างเดียวแต่จะตรวจสอบตลอดทั้งเอกสารสิทธิ์ซึ่งมีพื้นที่เต็ม 100 ไร่ ตีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านบาท และราคาซื้อขายจริงจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท ก็อาจเข้าข่ายขอบเขตอำนาจการสืบสวนสอบสวนของ DSI ที่สามารถทำได้ คือที่ดินที่กระทำความผิดตั้งแต่ 50 ไร่ขึ้นไปหรือมูลค่า 100 ล้านบาทขึ้นไป 

 

 

ฝรั่งเตะหมอ จ่อลาม ธนกฤต สั่งสอบ ทั้งหาด หากผิดไล่รื้อ ถอนเอกสารสิทธิ์

 

 

โดยระหว่างนี้กระทรวงจะตรวจสอบพิกัดแปลงที่ดินว่าขอบเขตที่ถูกต้องอยู่ตามพิกัดไหนล้ำลงไปในพื้นที่ทางทะเลมากน้อยเพียงใด อีกทั้งยังต้องตรวจสอบระดับน้ำขึ้นน้ำลงในบริเวณดังกล่าวเพื่อหาข้อมูลกำหนดพิกัดตลิ่งที่ชัดเจน ซึ่งในชั้นนี้พบว่าที่ดินดังกล่าวของชายชาวต่างชาติน่าจะเข้าข่ายความผิดตามพรบป่าไม้มาตรา 54 บุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินป่าไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นๆต้องรอเอกสารที่ชัดเจน

 

นอกจากนี้นายชีวภาพ ยังกล่าวถึงกรณีที่ผู้ร้องให้ตรวจสอบปางช้าง และมูลนิธิที่รับบริจาคเพื่อดูแลช้างป่วยของชาวต่างชาติรายนี้ ซึ่งจากการตรวจสอบของผู้ตรวจการพบว่าตั๋วรูปพรรณของช้างที่ถูกนำมาจัดแสดงอยู่ภายในปางช้าง เป็นช้างที่ถูกเช่ามาจากจังหวัดสุรินทร์ และไม่ได้เป็นช้างป่วยแต่เป็นช้างที่ใช้สำหรับเช่าแสดงตามงานต่างๆ ซึ่งพฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุรายนี้มีการเปิดรับบริจาคจากทั่วโลกโดยเก็บเงินจากค่าดูช้างผ่านระบบออนไลน์และเงินบริจาค ซึ่งอาจเป็นการเข้าข่ายเปิดมูลนิธิผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งหากผิดจริงก็ต้องให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการสั่งปิดหรืออาจเป็นการเข้าข่ายความผิดคดีอาญาระหว่างประเทศที่ DSI สามารถดำเนินการได้

 

ทั้งนี้ถึงแม้ว่าชาวต่างชาติคนดังกล่าวจะอ้างว่าเป็นผู้เช่าสถานที่ก็ต้องรับผิดชอบต่อการก่อสร้างต่อเติมล้ำลงไปในที่สาธารณะ และการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวที่ผิดประเภท อีกทั้งยังมีพยานหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าชาวต่างชาติคนนี้คือครอบครองแสดงตนเป็นเจ้าของที่ดินตามคำให้สัมภาษณ์ของสื่อมวลชนหลังเกิดเรื่องกับแพทย์หญิงคนดังกล่าว 

 

ด้านตัวแทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เปิดเผยว่าจากนี้ DSI จะตรวจสอบข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆทั้งเอกสารสิทธิ์ที่ดินและข้อมูลเส้นทางการเงินของปางช้างและมูลนิธิของผู้ก่อเหตุรายนี้ว่ามีที่ไปที่มาของเงินและทรัพย์สินต่างๆอย่างไรโดยจะส่งเรื่องให้ทาง ปปง. ตรวจสอบการถือครองที่ดินและทรัพย์สินทั้งหมด รวมถึงการอยู่ในประเทศไทยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ มีการขอทำงานในประเทศจากตมหรือไม่ และธุรกิจต่างๆที่ทำมีที่มาอย่างไร
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ