'ผช.เจ้าอาวาสวัดดัง' โกงเงินกว่า 200 ล้าน ลวงเจ้าอาวาสเซ็นอนุมัติเช็คเปล่า

23 ก.พ. 2567  พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.และ ป.ป.ช. เข้าจับกุมตัว พระครูสุธีสุตวัฒน์วิวัฒน์ อายุ 47 ปี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่ง ใน กทม. ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ.9/2567 ลงวันที่ 22 ก.พ.2567 ข้อหา เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับเบียดบังทรัพย์โดยทุจริต ,เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” 

และ นายปานจิตร  หรือ นายฐนวัตร  อายุ 52 ปี ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ.8/2567 ลงวันที่ 22 ก.พ.2567 ข้อหา สนับสนุนเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์โดยทุจริต ,และสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”

โดยจับกุมพระครูสุธีสุตวัฒน์วิวัฒน์ ได้ที่ กุฏิภายในวัดย่านรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. ส่วนนายปานจิตร จับกุมตัวได้ที่ วัดย่านท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม.

สืบเนื่องจากพระครูสุธีสุตวัฒน์วิวัฒน์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส  แต่กลับมีพฤติกรรมร่วมกับนายปานจิตร อาชีพพ่อค้าขายของอยู่ในวัด ยักยอกเงินของวัดจำนวนกว่า 200 ล้านบาท ไปเป็นทรัพย์สินส่วนตัว โดยทำมาตั้งแต่ปี 2561 จนถึง 2566 รวมเป็นเงินกว่า 200 ล้านบาท

ต่อมามีการตรวจสอบพบความผิดปกติ ทั้ง 2 จึงชิงหลบหนีออกจากวัด เจ้าหน้าที่จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนานศาลออกหมายจับ ก่อนที่ต่อมาจะทราบว่าปัจจุบันพระครูสุธีสุตวัฒน์วิวัฒน์ หนีมาจำวัด อยู่กับเพื่อนพระที่อีกวัดหนึ่ง ส่วนนายปานจิตร หนีมาบวชเป็นพระอีกวัดหนึ่ง จึงนำกำลังตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว 

จากการสอบสวน พระครูสุธีสุตวัฒน์วิวัฒน์ ยังคงให้การปฏิเสธ ขณะที่ในส่วนของ นายปานจิตร ยอมรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันกระทำผิดจริง โดยทำหน้าที่เป็นผู้นำเช็คของวัดไปขึ้นเงินสดก่อนนำเงินสดทั้งหมดมามอบให้กับพระครูสุธีสุตวัฒน์วิวัฒน์ ตามคำสั่ง เบื้องต้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

จากแนวทางสืบสวน พฤติการณ์ของผู้ต้องหา ทราบว่าทุกครั้งที่มีการยักยอกเงินวัด พระครูสุธีสุตวัฒน์วิวัฒน์ มักจะนำเช็คเงินสดไปให้เจ้าอาวาสเซ็นอนุมัติ จากนั้นก็จะนำเช็คใบดังกล่าวมาแก้ไขตัวเลขเพื่อเพิ่มยอดเงินให้มากขึ้น หรือแม้กระทั่งนำเช็คเปล่าไปให้เจ้าอาวาสเซ็น โดยที่เจ้าอาวาสไม่รู้เรื่อง ก่อนจะเอาเช็คใบดังกล่าวไปให้นายปานจิตร นำไปเบิกออกมาให้เป็นเงินสด เพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบเส้นทางการเงิน