'ดส.' บุกทลายบริษัท ผลิต 'คราฟต์โซดา' ผสมน้ำกระท่อม

15 ก.พ. 2567 พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมพ.ต.อ.ศานติ กรเกษม ผู้กำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี หรือ ผกก.ดส. และเจ้าหน้าที่ ดส. ตรวจค้นโรงงานลักลอบผลิตน้ำกระท่อมขนาดใหญ่ ย่านหัวหมาก 13  จับกุม Mr.Muang Tun อายุ 26 ปี สัญชาติเมียนมา และชายไม่ทราบชื่อ อายุ 22 ปี สัญชาติเมียนมา ซึ่งไม่พบเอกสารแสดงตัวตน 

 

 

 

 

จากการสอบถามทราบว่าโรงงานดังกล่าวมีคนงานอยู่ 2 คน ทำหน้าที่ต้มและบรรจุภัณฑ์ โดยมีเจ้าของโรงงานเป็นชาวภาคใต้คอยจ่ายเงินให้ เจ้าหน้าที่เตรียมดำเนินคดี "ร่วมกันผลิตและจำหน่ายอาหารที่มีพืชกระท่อมเป็นส่วนผสมตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 มีโทษจำคุก 6 เดือนถึง 2 ปี ปรับ 5,000-20,000 บาท ,ข้อหาไม่มีใบอนุญาตทำงานในราชอาณาจักร และเข้าเมืองผิดกฎหมายตามกฎหมายคนเข้าเมือง"
 

 

สำหรับโรงงานดังกล่าว มีการแบ่งพื้นที่เป็นพื้นที่ต้มบรรจุขวด จัดเตรียมวัตถุดิบ และเก็บวัตถุดิบรวมทั้งเก็บขวดบรรจุภัณฑ์แบ่งไว้อย่างชัดเจน ตำรวจได้ทำการตรวจยึดของกลาง น้ำกระท่อมแบบต้มบรรจุใส่ขวดพร้อมจำหน่าย จำนวน 543 ขวด , ขวดเปล่าเพื่อใส่บรรจุน้ำกระท่อมพร้อมฝา จำนวน 32,616 ขวด , ใบกระท่อม จำนวน 305 กิโลกรัม และอุปกรณ์การต้มประกอบด้วย ถังแก๊ส 10 ถัง หัวแก๊ส 12 หัว หม้อสำหรับใช้ต้มน้ำกระท่อม 10 หม้อ และตราชั่ง จำนวน 2 เครื่อง 

 

 

 

 

ด้าน พ.ต.อ.ศานติ เปิดเผยว่า การเข้าค้นครั้งนี้เป็นการสืบสวนสอบสวนขยายผลจากการแกะรอยร้านขายน้ำกระท่อมริมถนนในบริเวณพื้นที่หัวหมากและรามคำแหง จนสืบทราบว่า มีต้นทางมาจากโรงงานแห่งนี้ จึงได้นำกำลังเข้าตรวจค้นและจับกุม โดยพบว่า ตั้งมาได้ 1 ปีกว่าจะมีเป้าหมายส่งจำหน่ายให้แก่ร้านค้ารายย่อยริมถนนย่านหัวหมากและรามคำแหง พบว่า ผลิตทุกวัน วันละ 1,000 ขวด แบ่งเป็นรอบ ๆ รอบเช้า 500 ขวดและรอบบ่าย 500 ขวด ผลิตเป็นน้ำกระท่อมดิบเป็นหลัก นอกจากนี้ยังพบว่าโรงงานแห่งนี้ไม่ได้รับมาตรฐาน และมีสภาพสกปรก

 

 

 

 

หลังจากนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องของเจ้าของโรงงานและผู้ให้เช่าว่ารู้เรื่องหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบเปิดโรงงานแห่งนี้หรือไม่ รวมทั้งขยายผลถึงคนงาน แหล่งที่มาของใบกระท่อม และเส้นทางการเงินต่าง ๆ ต่อไป 

 

 

 

 

พ.ต.อ.ศานติ กล่าวอีกว่า เนื่องจากข้อห่วงใยของทางรัฐบาลที่พบว่า เด็กและเยาวชนเข้าถึงน้ำกระท่อมได้ง่ายขึ้น รวมทั้งจะนำไปสู่การนำน้ำกระท่อมไปผสมยาอื่น ๆ เพื่อเป็นสารเสพติด ทาง บช.น. จึงได้สั่งการให้ กก.ดส. ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลเกี่ยวกับโรงงานผลิตน้ำกระท่อมในกรุงเทพฯ 

 

 

 

 

นอกจากโรงงานแห่งนี้แล้ว ยังพบว่ายังมีโรงงานลักษณะแบบนี้อีกหลายพื้นที่ที่ลักลอบผลิตและจัดจำหน่ายให้แก่ร้านค้ารายย่อยในพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งจะต้องดำเนินการกวาดล้างจับกุม ขยายผลถึงบรรดาพ่อค้ารายย่อยที่ขายน้ำกระท่อมริมถนนอีกด้วย ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น มีทั้งเป็นโรงงานเอกเทศและโรงงานที่เป็นเครือข่าย มีเจ้าของคนเดียวกัน ซึ่งจะต้องทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป 

 

ส่วนกฎหมายแล้วแม้จะมีการปลดล็อคใบกระท่อมก็จริง แต่จะสามารถจัดจำหน่ายได้เฉพาะใบกระท่อมเท่านั้น ส่วนน้ำกระท่อมนั้นสามารถต้มบริโภคกินกันเองภายในครัวเรือนได้ แต่ไม่สามารถต้มเพื่อจัดจำหน่ายหรือแจกแจงได้ หากพบก็จะถือว่าผิดกฎหมายทันที แต่ตอนนี้ใช้เพียงกฎหมาย พ.ร.บ.อาหาร มาดำเนินการเท่านั้น ยังไม่มีกฎหมายเฉพาะในเรื่องของใบกระท่อมมาควบคุม 

 

 

เรื่องดังกล่าวนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งข้อห่วงใยไปยังรัฐบาล เพื่อดำเนินการทบทวนหรือออกกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องมาควบคุมเรื่องการลักลอบผลิตน้ำกระท่อมแล้ว อย่างน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงและนำไปใช้เป็นสารเสพติด 

 

ส่วนกรณีเข้าตรวจสอบ  บริษัทน้ำคราฟต์โซดา ย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี และจับกุม 2 ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นผู้จัดการ และ ผู้ดูแลการผลิต  พร้อมยึดของกลาง เป็นน้ำคราฟต์โซดาที่มีพืชกระท่อมผสมอยู่ จำนวนมา 30,000 ขวด และอุปกรณ์ในการผลิต ซึ่งผู้ต้องหาให้การบริษัทเป็นผู้ผลิตต้มน้ำกระท่อมดังกล่าว เพื่อเป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มโซดาคราฟ บางยี่ห้อ ตามคำสั่งซื้อของลูกค้าจริง 

 

 

 

 

จึงแจ้งข้อหา รวม 4 ข้อหา ประกอบด้วยร่วมกันผลิตเพื่อจำหน่ายอาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง , ร่วมกันผลิตเพื่อจำหน่ายอาหารปลอม ที่มีฉลากเพื่อลวงผู้ซื้อให้เข้าใจผิด , ร่วมกันผลิตอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ , และร่วมกันผลิตและจำหน่ายอาหารที่มีพืชกระท่อมเป็นส่วนผสม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 ก่อนส่งตัวให้ สภ.ปากเกร็ดดำเนินคดี

ส่วนที่พบว่ามีฉลาก อย. ติดอยู่นั้น พบว่า มีการขอ อย.ถูกต้อง เมื่อได้เลขและเครื่องหมายมาแล้ว แต่ไม่ผลิตตามสูตร จากการสืบสวนพบว่า ผู้ประกอบการยื่นขออนุญาตทะเบียน อย. อีกสูตรหนึ่ง แต่เมื่อมีการขายจริงกลับมีการผสมน้ำกระท่อมและยาแก้แพ้ลงไป ดังนั้นจึงถือว่ามีความผิดในเรื่องของเลขที่ใบอนุญาตด้วย

 

 

 

 

พล.ต.ท.สำราญ เตือนไปยัง ผู้ที่มีชื่อเสียงที่โปรโมท อาจจะเข้ามาเป็นส่วนช่วยในการโฆษณาสินค้าให้กับประชาชนหรือชักชวนให้มีการซื้อเครื่องดื่มที่มีการผสมน้ำกระท่อม ซึ่งจะต้องถูกดำเนินการทางคดีด้วยเช่นกัน