ข่าว

ทนายจ่อยื่นค้าน 'ฝากขัง 2 นักข่าว' ชี้ไปทำข่าว กลับโดนข้อหาสนับสนุน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทนายเตรียมยื่นค้าน 'ฝากขัง 2 ผู้สื่อข่าว' ชี้ ไปทำข่าวเเต่โดนข้อหาสนับสนุนทำลาย 'โบราณสถาน' ซัดเป็นการหยามเกียรติสื่อมวลชนไทย รัฐบาลควรรับผิดชอบ

13 ก.พ. 2567  ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วย น.ส.คุ้มเกล้า ส่งสมบูรณ์ ทนายความจากศูนย์เพื่อสิทธิมนุษยชนเดินทาง มายังศาลอาญา ในคดีที่มีการยื่นคำร้องฝากขัง นายณัฐพล เมฆโสภณ ผู้สื่อข่าวประชาไท และนายณัฐพล พันธ์พงส์สานนท์ นักข่าวและช่างภาพอิสระ ถูกจับกุมตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 22 พ.ค. 2566 โดนตำรวจจาก สน.พระราชวัง  ในคดีตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน

 

โดย น.ส. คุ้มเกล้า กล่าวว่า หมายจับออกโดยศาลอาญาเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2566 เป็นการออกหมายจับหลังจากเหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 มี.ค.2566 จากกรณีที่มีนักกิจกรรมได้พ่นสีข้อความเชิงสัญลักษณ์บนกำแพงวัดพระเเก้ว ซึ่งคดีมีการฟ้องเเล้วอยู่ระหว่างสืบพยานในศาล เเต่กลับมีการออกหมายจับนักข่าว 2 คน จากสำนักข่าวประชาไท เเละสำนักข่าวออนไลน์เเห่งหนึ่ง ทั้งที่เวลาผ่านไปกว่า 1 ปี

 

 

ทนายเตรียมยื่นค้านฝากขัง 2 นักข่าวโดนจับข้อหาสนับสนุนทำลายวัตถุโบราณ

 


โดยข้อหาที่โดนเเจ้งเป็นผู้สนับสนุนทำลายโบราณสถาน ตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน มีโทษจำคุกไม่เกิน7 ปี ปรับไม่เกิน 7 เเสนบาท ซึ่งในการลงโทษฐานสนับสนุนจะไม่สูงเท่าตัวการ โดยผู้สนับสนุนจะมีโทษ 3 ใน 4 ของโทษเต็มซึ่งถือว่ายังเป็นโทษที่สูง

 

ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยให้การว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนเเละช่างภาพเพื่อนำเสนอข้อเท็จจริง เพื่อที่จะนำพิจารณาในชั้นสอบสวนไปถึงพนักงานอัยการต่อไป

 

โดยเมื่อวานนี้ทนายความได้ขอยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในชั้นสอบสวนซึ่งมองว่าจากข้อหาความผิดในคดีเเละไม่มีพฤติการณ์หลบหนี โดยการออกหมายจับไม่ใช่ออกเพราะจะหลบหนี เเต่เป็นการออกหมายจับเพราะฐานความผิดโทษเกิน 3 ปี ซึ่งพนักงานสอบสวนมีเหตุที่จะให้ประกันในชั้นสอบสวนได้ เเต่กลับไม่ให้ประกันเเละนำตัวมายื่นฝากขัง ซึ่งการฝากขังควรต้องมีเหตุจึงฝากขังได้ เเต่คดีนี้ผ่านมา 1 ปีการสืบสวนสอบสวนควรต้องเเล้วเสร็จไปเเล้ว ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะมีการยื่นคัดค้านการฝากขังซึ่งเเม้อาจจะใช้ระยะเวลานานบ้างในวันนี้ เเต่ผู้ต้องหาประสงค์ให้ยื่นเพราะไม่เห็นด้วยกับการดำเนินคดีฝากขังจากการทำหน้าที่นักข่าวในครั้งนี้ เเต่ทางทนายก็จะถามความยินยอมว่าจะขอให้ทนายคัดค้านการฝากขังหรือยื่นประกันตัวเลย 

 

ทนายเตรียมยื่นค้านฝากขัง 2 นักข่าวโดนจับข้อหาสนับสนุนทำลายวัตถุโบราณ

 

 

เมื่อถามถึงเหตุที่พนักงานสอบสวนไม่ให้ประกันตัว น.ส. คุ้มเกล้า กล่าวว่าพนักงานสอบสวนระบุว่ามีหมายจับเเละคดีมีอัตราโทษจำคุกเกิน 3 ปี จึงให้เป็นอำนาจศาลพิจารณาซึ่งการดำเนินคดีครั้งนี้พนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนกลับมองว่า ผู้สื่อข่าวไปทำข่าวเป็นผู้สนับสนุน สื่อมวลชนเองควรต้องตั้งคำถามกับพนักงานสอบสวนด้วย เเละคดีนี้ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไม่ถูกต้องตามกฎหมายเพราะเหตุเกิดในพื้นที่ สน.พระราชวัง สถานที่คุมตัวควรเป็นที่นั่นเพราะเกี่ยวกับสิทธิผู้ต้องหา เช่นญาติทราบก็สามารถติดตามได้ เเต่ทั้ง 2 คน ถูกเเยกออกไปเป็น 2 สน.คือ สน.ฉลองกรุง อีกที่ก็ไม่ทราบว่าใช่อำนาจอะไรในการเเยกการคุมตัวทั้งที่ สน.ฉลองกรุง ไม่มีอำนาจสอบสวนด้วยทั้งที่เรื่องนี้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน

 

ทั้งนี้ตนคิดว่า วงการวิชาชีพสื่อควรตั้งคำถามกับพนักงานสอบสวนในพื้นที่ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติถึงแนวปฏิบัติในการดำเนินคดี กับผู้สื่อข่าวเพราะในปัจจุบันมีทั้งผู้สื่อข่าวที่มีสังกัดและผู้สื่อข่าวอิสระ ว่าการยืนยันพฤติการณ์การทำข่าวจะเป็นอย่างไรต่อไปมันจะกลายเป็นภาระ ของตัวบุคคลนั้นในการต่อสู้คดีอาญา

 

ด้านนายกฤษฎางค์ กล่าวว่าคดีนี้เป็นเรื่องแปลกที่รัฐบาลและกระบวนการยุติธรรมจะต้องรับผิดชอบเต็มที่ จริงอยู่ที่มีหมายจับแต่หมายจับออกจากครบหนึ่งปีแล้วจนคดีที่นักกิจกรรมไปพ่นสีจะมีการสืบพยาน คดีฐานความผิดก็ไม่ได้รุนแรง ใช้เวลาสืบกว่า 6-7เดือน แล้วค่อยออกหมายจับเเล้วก็ไม่ไปจับ เรื่องนี้สื่อมวลชนควรเรียกร้องไปยังรัฐบาล เพราะตำรวจก็อยู่ภายใต้รัฐบาลว่าทำไมทำเเบบนี้

 

นายกฤษฎางค์ กล่าวอีกว่า ยังจำกันได้หรือไม่ว่าอนุสาวรีย์ปราบกบฏหลักสี่ หายไป 7-8 ปีแล้ว แต่ตำรวจยังไม่ไปตามจับสักที ทั้งที่หลักฐานข้อมูลก็มีจำนวนมาก ถ้ายังทำแบบนี้ก็จะเห็นว่าเป็นการดำเนินกระบวนการยุติธรรมแบบสองมาตรฐาน

 

คดีนี้โทษเจ็ดปี ก็จริงแต่ไม่มีอัตราโทษขั้นต่ำ ศาลจะลงโทษเเค่ปรับก็ได้ และนักข่าวไม่ใช่โจรผู้ร้าย ทีโจรผู้ร้ายกลับให้ประกัน เเต่ทำไมนักข่าวกลับไม่ให้เขาประกันตัว เป็นคำถามที่ตนอยากให้ผู้สื่อข่าวทุกคนรักษาสิทธิของตัวเอง รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าสิทธิของสื่อมวลชนมีเสรีภาพในการทำข่าว เพราะหาก สื่อมวลชนไม่มีเสรีภาพจมอยู่ในความหวาดกลัวประชาชนก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องหยามเกียรติสื่อมวลชนไทย 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ