เจาะขบวนการตบทรัพย์ ‘เอก ปากน้ำ’แฝงตัว ล้วงข้อมูล

ทำไม แก๊งตบทรัพย์ ถึงมีพยานหลักฐานเข้าร้องเรียนได้เรื่อยๆ ข้อมูลความผิดปกติต่างๆได้มาจากไหน ถ้าไม่ใช่จากคนในหน่วยงานด้วยกัน รวมถึงเอกชนที่ยื่นประมูลงาน แต่เสียผลประโยชน์ ??

 

การซ้อนแผนจับกุม นายศรีสุวรรณ จรรยา กับพวก ในคดีรีดทรัพย์ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เพื่อแลกกับการไม่ร้องเรียน ไม่เป็นข่าว จาก 3 ล้านบาท และมีการต่อรองกันเหลือ 1.5 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ม.ค.67 จัดเป็นโครงข่าย ขบวนการตบทรัพย์ ที่ตำรวจต้องล้างบางให้สิ้นซาก

 

การร้องเรียนเพื่อกวาดบ้านให้สะอาด เป็นเรื่องที่ต้องสนับสนุน แต่กลับเอาความไม่ชอบมาพากลมาเป็นเครื่องมือร้ายกาจ ในการ ข่มขู่ตบทรัพย์บิ๊กข้าราชการ เพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง พลิกกลับตาลปัตรจากขาวมาเป็นดำทันที

 

เครือข่ายขบวนการตบทรัพย์ แบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน คนหนึ่งออกหน้าเพื่อข่มขู่และเตรียมร้องเรียน เมื่อเหยื่อเกิดความกลัว ก็จะยอมจ่าย อีกคนทำหน้าที่ติดตามทวงเงินและประสานงาน

 

รวมทั้งตัวการสำคัญ คนที่อยู่เบื้องหลัง คอยซัพพอร์ตข้อมูลการร้องเรียน เป็นคลังสมองหรือคีย์แมนคนสำคัญ

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจขยายผลจับกุม นายเอกลักษณ์ หรือเอก ปากน้ำ ผู้ต้องหาฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินสำหรับตนเองโดยมิชอบ , ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต , แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น , รีดเอาทรัพย์ และ ข่มขืนใจผู้อื่นฯ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.67 จัดว่ามีนัยยะสำคัญ

 

โดย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ให้ข้อมูลกับ กับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เกี่ยวกับ เอก ปากน้ำ โดยรู้จักกันมา 3 ปี อีกฝ่ายเคยมาร้องเรียนหลายครั้ง ตั้งแต่เคยอยู่ในคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ และแอดไลน์กันไว้ จากนั้น เอก ปากน้ำ ได้ติดต่อมาหลายครั้ง อีกฝ่ายพูดคุยดี ไม่ได้ข่มขู่ แต่ตนไม่เล่นด้วยและเก็บหลักฐานทั้งหมดไว้ ก่อนแจ้งให้ อธิบดีกรมการข้าว ส่งมอบหลักฐานให้ตำรวจ

          

ข้อมูลของเจ้าหน้าทีตำรวจ พบว่า เอก ปากน้ำ เป็นคีย์แมนแก๊งตบทรัพย์ มีดีกรีเป็นถึง ดอกเตอร์เรียนจบปริญญาเอก สาขาวิศวกรรมสื่อสาร มหาวิทยาลัยชื่อดัง มีความรู้และเชี่ยวชาญเกี่ยวกับข้อมูลโครงการต่างๆในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอีกหลายหน่วยงาน

เอก ปากน้ำ จะเข้าไปทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและผู้ร่างโครงการต่างๆ จนทำให้รู้ว่าโครงการไหนใครเป็นผู้เสนอ มูลค่าเท่าไหร่  มีส่วนต่างตรงไหนบ้าง เมื่อได้ข้อมูลจะเรียกประชุมผู้ร่วมขบวนการ เพื่อชี้เป้าแบ่งหน้าที่ให้ไปทำ โดยช่วงหลังๆ เอก ปากน้ำ ไม่ออกหน้าเอง เมื่อผู้ร่วมขบวนการได้เงินมา ก็จะนำมาแบ่งกัน

 

และภายหลังจับกุม นายศรีสุวรรณ กับพวก แล้ว พบว่า เอก ปากน้ำ คล้ายจะรู้ตัวว่าเจ้าหน้าที่จะต้องสาวมาถึงตัวในเวลาอันใกล้ จึงรีบลบข้อมูลที่เป็นพยานหลักฐานทั้งหมดทิ้ง

 

โดยเมื่อวันที่ 4 ก.พ.67 พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. เปิดเผย ว่า จากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของ เอก ปากน้ำ พบว่า มีการเปลี่ยนซิมการ์ดใหม่เมื่อวันที่ 29 ม.ค.67 ก่อนถูกจับกุมเพียงแค่ 2 วัน

 

รวมทั้งข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์และแท็บเลตต่างๆ ถูกลบทำลายหลักฐานไปก่อนหน้าแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังกู้ข้อมูล    

                                                                                                  

นอกจากนี้ จากแนวทางการสืบสวนยังพบว่า เอก ปากน้ำ มีพฤติกรรมเคยเป็นนักร้อง(เรียน) ตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาเอก เคยร้องเรียนอาจารย์

 

รวมทั้ง เมื่อวันที่ 6 ก.พ.66 เอก ปากน้ำ เคยถูก แรมโบ้ อีสาน แจ้งความดำเนินคดีที่สน.ดุสิต ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จด้วย โดยทำตัวเป็นนายหน้ารับงานจากบริษัทต่างๆ แล้วกล่าวอ้างว่าจะเคลียร์ให้ ทำให้บางบริษัทรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องของทีโออาร์ จากนั้นจะเสนอตัวมาร้องเรียนที่สำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักปลัดฯ และเอาเอกสารที่มีการออกเลขร้องเรียนแล้วไปข่มขู่ ซึ่ง เข้าข่ายการตบทรัพย์

 

เป็นคำตอบว่า แก๊งตบทรัพย์ ได้ข้อมูลต่างๆมาจากไหน ซึ่ง เอก ปากน้ำ คือกุญแจสำคัญ