คนนี้ไม่ธรรมดา 'เอก ปากน้ำ' เปลี่ยนซิม ลบไฟล์หลักฐาน ก่อนถูกจับคดีตบทรัพย์

เมื่อวันที่ 4 ก.พ.67 พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. เปิดเผยกรณีการตรวจค้นและจับกุมนายเอกลักษณ์ หรือเอก ปากน้ำ คีย์แมนคนสำคัญ หนึ่งในผู้ต้องหากลุ่มเดียวกับ นายศรีสุวรรณ จรรยา นักร้อง(เรียน) ในคดีที่ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว แจ้งความดำเนินคดีว่าถูกข่มขู่เรียกเงินจำนวน 3 ล้านบาท โดยมีการต่อรองกันเหลือ 1.5 ล้านบาท ว่า หลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ตรวจยึดมาได้นั้น มีทั้งหนังสือและเอกสารต่างๆจำนวนมาก

ส่วนโทรศัพท์มือถือของ นายเอกลักษณ์ ที่ยึดมาตรวจสอบพบว่ามีการเปลี่ยนซิมการ์ดใหม่เมื่อวันที่ 29 ม.ค.67 ก่อนจะมีการเข้าตรวจค้นจับกุม รวมทั้งข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์และแท็บเลตล้วนถูกลบข้อมูลทำลายหลักฐานไปก่อนหน้าแล้ว ทั้งนี้คาดว่า นายเอกลักษณ์ น่าจะรู้ตัวก่อนว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจค้น แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้หนักใจ เพราะสามารถส่งหลักฐานทั้งหมดไปตรวจพิสูจน์และดึงข้อมูลมาดูได้เกือบทั้งหมด เพื่อนำมาพิสูจน์ทราบได้ เชื่อว่าน่าจะได้เห็นข้อมูลอะไรอีกเยอะพอสมควร

ผบก.ปปป.กล่าวต่อว่า สำหรับนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก นั้น พนักงานสอบสวน บก.ปปป. ได้ส่งข้อมูลของนายเจ๋ง ไปให้ ป.ป.ช. ตีความเรื่องสถานะมาก่อนแล้ว จากนั้นจึงได้ขอศาลออกหมายจับ  และหลังจับกุมนายศรีสุวรรณ นายเจ๋ง และน.ส.พิมณัฏฐา แล้วนั้น พนักงานสอบสวน บก.ปปป.ได้ทำหนังสือสอบถามถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งชุดคณะกรรมาธิการต่างๆ ว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมมาได้นั้น มีสถานะใดในคณะกรรมาธิการ ขณะนี้กำลังรอหนังสือตอบกลับอยู่  

รายงานข่าวแจ้งว่า จากแนวทางการสืบสวน พฤติกรรมของ นายเอกลักษณ์ หรือ เอก ปากน้ำ พบว่าชอบร้องเรียนมาตั้งแต่สมัยที่เรียนปริญญาเอก อย่างเห็นได้ชัด เริ่มจากการร้องเรียนอาจารย์ประจำภาควิชาหลายคนที่สอน
   
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 6 ก.พ.66 นายเอกลักษณ์ ยังเคยถูกนายเสกสกล อัตถาวงษ์ หรือแรมโบ้ อีสาน แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยกล่าวหาว่า นายเอกลักษณ์ มักจะทำตัวเป็นนายหน้าไปรับงานจากบริษัทต่างๆ แล้วอ้างว่าจะเคลียร์ให้ ทำให้บางบริษัทรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องของทีโออาร์ จากนั้นจะเสนอตัวอาสามาร้องเรียนที่สำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักปลัด เอาเอกสารที่มีการออกเลขร้องเรียนแล้วไปข่มขู่เข้าข่ายเป็นการตบทรัพย์ โดยที่ผ่านมามีการไปแจ้งความไว้แล้วที่ สน.ดุสิต 
     
ทั้งนี้จากการตรวจสอบยังพบว่า เมื่อวันที่ 5 ก.พ.66 นายเอกลักษณ์ ได้เผยแพร่เอกสารถึงสื่อมวลชน โดยมีข้อความชี้แจงว่า ไม่ได้เป็นนักการเมือง แต่รู้จักกับเจ๋ง ดอกจิก มานาน ช่วยเหลือรับส่งกันในฐานะคนสนิทกันด้วย

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนยังพบว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องอีกอย่างน้อย 2 คน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐานประกอบด้วยภาพวงจรปิด พยานเอกสาร รวมถึงคำให้การผู้เสียหายก่อนหน้านี้ ยังไม่สามารถขออำนาจศาลออกหมายจับได้ คาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-3 วัน  หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องต้องดำเนินการทั้งหมด ทั้งนี้ในวันที่ 5 ก.พ.67 ได้เรียกประชุมทีมสืบสวนสอบสวนเพื่อวางแนวทางการสืบสวนขยายผล และติดตามความคืบหน้าของคดี เพื่อจะนำรายละเอียดเข้าที่ประชุมคณะทำงานชุดใหญ่ในวันที่ 7 ก.พ.67 ต่อไป