ผกก.อรัญประเทศ ปัดจัดฉากผัว 'ป้าบัวผัน' มอบตัวคดีฆ่าทิ้งน้ำ

16 ม.ค. 2567  จากคดีสลดเยาวชนชาย 5 คน ทำร้ายร่างกาย ป้าบัวผัน หรือป้ากบ อายุ 47 ปี ชาว อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว และนำร่างป้าบัวผัน ไปทิ้งในสระน้ำบริเวณสระน้ำข้างโรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยสภาพศพที่ศีรษะ และใบหน้ามีร่องรอยบาดแผล ซึ่งคาดว่าถูกฆาตกรรม โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ม.ค.2567

 

จากนั้น นายปัญญา หรือลุงเปี๊ยก อายุ 54 ปี สามีป้าบัวผัน เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายป้าบัวผันจะเสียชีวิต กระทั่งนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด บริเวณสะพานพระสยามเทวาธิราช พบว่าผู้ก่อเหตุทำร้าย ป้าบัวผัน เป็นกลุ่มเยาวชน 5 คน จึงได้ติดตามตัวมาสอบปากคำ โดยมีทีมสหวิชาชีพ ร่วมสอบปากคำโดยทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ปล่อยตัวลุงเปี๊ยก
 

 

 

ล่าสุด  นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พร้อมด้วยพี่สาวของ ป้าบัวผัน เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดี เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน  อีกทั้งคดีนี้อาจมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับให้ลุงเปี๊ยก ยอมรับผิดในคดีว่าตัวเองใช้เก้าอี้ฟาดภรรยาจนเสียชีวิต ทั้งที่ความจริงลุงเปี๊ยกไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์  จึงตั้งข้อสังเกตว่ามีใครสั่งให้พูดข้อมูลดังกล่าว และหลังจากได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำแล้วไม่สามารถติดต่อลุงเปี๊ยก

 

อย่างไรก็ตาม นายกัณฐัศว์ หรือ กัน จอมพลัง ได้โทรศัพท์ไปสอบถาม  พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ศรีจันทร์ตรา ผกก. สภ.อรัญประเทศ เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดี โดย ผกก.สภ.อรัญประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ นายปัญญา หรือ ลุงเปี๊ยก อยู่ในความดูแลของญาติที่คลองน้ำใส โดยไม่มีตำรวจอยู่ดูแล แต่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเหตุใดจึงมีการแจ้งข้อกล่าวหาและทำให้ลุงเปี๊ยกรับสารภาพ
 

 

 

 

 

ซึ่งไทม์ไลน์การเกิดเหตุ หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งเหตุเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งลุงเปี๊ยกเป็นผู้พาตำรวจไปชี้จุดเกิดเหตุด้วยตัวเอง อีกทั้งยังพบว่ามีคราบเลือดบนขากางเกงของลุงเปี๊ยก แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นเลือดของใคร กองพิสูจน์จึงต้องส่งตรวจดีเอ็นเอ

 

 

 

 

แต่เมื่อแพทย์ได้เข้าตรวจสอบสภาพศพ พบว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8-12 ชั่วโมง เท่ากับว่าเสียชีวิตราววันที่ 11 ม.ค. 2567 และเมื่อไล่ตรวจสอบภาพวงจรปิด ก็ไม่พบว่าลุงเปี๊ยกอยู่ในเหตุการณ์ขณะนั้น จึงย้อนภาพไปในวันที่ 10 ม.ค. 2567 พบว่าเหตุการณ์เป็นคนละเรื่อง คือกลุ่มเยาวชนเป็นผู้ลงมือก่อเหตุเอง ซึ่งขณะนั้นตำรวจได้ขออำนาจศาลฝากขังลุงเปี๊ยกไปแล้ว จึงต้องรีบทำเรื่องปล่อยตัว และเร่งนำตัวเยาวชน 5 คนมาสอบปากคำพร้อมยึดรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ

 

 

 

 

พ.ต.อ.พิเชษฐ์ กล่าวอีกว่า หลังการปล่อยตัวลุงเปี๊ยก เมื่อวานนี้ได้สอบปากคำเยาวชนทั้ง 5 ร่วมกับสหวิชาชีพ ก่อนนำตัวไปขอหมายขังที่ศาลเด็กและเยาวชนและสั่งค้านประกันตัว ซึ่งเมื่อวานนี้มีผู้โทรศัพท์เข้ามาสอบถามเข้ามาเยอะมากทำให้ตนไม่ได้รับสายใคร ทั้งยังเดินทางไปร่วมงานศพป้าบัวผัน ยืนยันว่าตำรวจได้ภาพกล้องวงจรปิดและตัวผู้ต้องหาก่อนจะเป็นข่าว แต่พอมีสื่อช่องหนึ่งปั่นกระแสว่าเป็นการปกป้องลูกตำรวจนั้น ตนยังไม่ทราบเลยว่าผู้ต้องหาเป็นลูกตำรวจด้วย

 

 

 

 

ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่สงสัยว่ามีใครวางบทให้ลุงเปี๊ยกพูดหรือไม่ เพราะคนในพื้นที่ต่างพูดเหมือนกันว่าลุงเปี๊ยกมักเมาสุราและเคยทำร้ายร่างกายภรรยาตัวเองจริง แต่พอเมื่อตำรวจซักถาม เจ้าตัวอาจรู้สึกกดดันและให้การวกไปวนมาจนยอมรับสารภาพเองในขณะนั้น แต่ไม่มีใครไปชี้นำให้เจ้าตัวพูด ไม่เกี่ยวข้องว่าพ่อของผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจ และแม้จะเป็นเช่นนั้นก็จะดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา