ข่าว

อัยการสั่งฟ้อง7 ผู้ต้องหาคดี 'หุ้นสตาร์คฯ' เสียหายหมื่นล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อัยการคดีพิเศษสั่งฟ้อง 7 ผู้ต้องหาคดี 'หุ้นสตาร์คฯ' มูลค่าความเสียหายนับหมื่นล้าน นำตัวส่งศาลอาญา ส่วนอีก4คนสั่งรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่ม

เมื่อวันที่ 12 ม.ค.67 ที่สำนักงานอัยการคดีพิเศษ1 สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการคดีพิเศษ 1 นัดฟังคำสั่งในที่พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ นำสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายวนรัชต์ กับพวกรวม 11 คน (มี 5 รายเป็นนิติบุคคล ) คดีทุจริตในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ฐานตกแต่งบัญชีและงบการเงิน และฐานฉ้อโกงประชาชนฯข้อหายักยอกทรัพย์และข้อหาฟอกเงิน มูลค่าของความเสียหายหลายหมื่นล้านบาท

โดยในวันนี้มีผู้ต้องหาบางส่วนเดินทางมาฟังคำสั่งพร้อมทนายความเเละมีกลุ่มผู้เสียหายในนาม'กลุ่มรวมพลังหุ้นกู้สตาร์ค' เป็นกลุ่มประชาชนผู้ลงทุนหุ้นกู้สตาร์คส่วนหนึ่งจากทั้งหมด 4,000 กว่าราย ที่เสียหายรวมกันกว่า 9 พันล้านบาท ส่งตัวแทนเข้าพบอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีอาญา

นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายกลุ่มรวมพลังหุ้นกู้สตาร์ค เปิดเผยว่า ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า อัยการอาจสั่งฟ้องให้ผู้ต้องหาเป็นจําเลยบางราย เพราะว่าหลักฐานพอแล้ว แต่บางคนที่อัยการมองว่าอาจจะยังต้องสอบสวนเพิ่มต้องแจ้งกลับไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปสอบสวนเพิ่ม ก็เป็นสิทธิของทางอัยการ ว่าคดีอาญาถ้าเกิดฟ้องไปแล้วหลักฐานไม่แน่น อาจจะเป็นปัญหา ตรงนี้ทางผู้เสียหาย กลุ่มผู้ถือเป็นกู้สตาร์ท เรากังวลใจมาก เนื่องจากคดีอาญาสําคัญมาก เพราะทางภาคประชาชนจะฟ้องคดีแพ่งด้วย แต่คดีแพ่งประชาชนไม่สามารถเข้าถึงพยานหลักฐานได้เท่าภาครัฐ เพราะฉะนั้นเราจึงหวังมากว่าทางอัยการควรจะพยายามฟ้องให้ครบทุกราย ถ้ารายไหนฟ้องไม่ได้โปรดอย่าปล่อยสั่งไม่ฟ้องแต่สืบเพิ่มเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานมาแล้วก็นําฟ้องต่อศาล

วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายกลุ่มรวมพลังหุ้นกู้สตาร์ค

โดยหลักการทางคดีอาญา การจะฟ้องคดีต้องมีจําเลยมาอย่างที่ทราบว่า นายชนินทร์ หนีไปต่างประเทศ ส่วน นายวนรัชต์ และ  น.ส.ยศบวร เป็นบุคคลสําคัญในคดีนี้แต่มีกระแสข่าวมาว่าทางอัยการมองว่าต้องสอบเพิ่มก็อาจจะยังไม่ฟ้องในวันนี้ ซึ่งเราต้องรอฟังตอนนี้ตนตอบไม่ได้

เมื่อถามว่าหากบุคคลสําคัญไม่ได้ถูกฟ้องซึ่งก็จะไม่ถูกพิจารณาในศาลจะส่งผลกระทบต่อเรื่องทางแพ่งที่ทําอยู่ในขณะนี้มากน้อยแค่ไหน  นายวีรพัฒน์ กล่าวว่า กระทบแน่นอนเพราะว่าหนึ่งเลยคือ นายวนรัตน์เป็นผู้ที่มีทรัพย์สินมหาศาล และที่สําคัญที่สุดในทางคดีเรามองว่าเขาได้รับประโยชน์จากการขายหุ้นบริษัทสตาร์คไปทํากําไรตามกระแสข่าวเป็นหลักหมื่นล้าน เพราะฉะนั้นเราก็คงมองว่าหนึ่งเป็นผู้ที่มีทรัพย์สิน เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์เราก็อยากจะให้ถูกสืบสวนสอบสวนโดยพนักงานอัยการอย่างเต็มที่ก่อน คำสั่งว่ายังไม่ฟ้องหมายความว่าอาจจะฟ้องก็ได้แต่ขอสืบสวนเพิ่มเติมก่อนเพราะฉะนั้นก็อยากจะให้รอทางอัยการได้ทําหน้าที่ตรงนี้

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้นายศรัทธา ได้ส่งหนังสือร้องเรียนมาถึงอัยการขอให้สอบในบางประเด็นที่เขาเห็นว่าไม่ครอบคลุม กรณีนี้จะส่งผลต่อผู้เสียหายหรือไม่  นายวีรพัฒน์ กล่าวว่า เข้าใจว่านายศรัทธาอยู่ในฐานะพิเศษพอสมควร เพราะเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในคดีนี้ แต่นายศรัทธาก็ออกมาให้ข้อมูลตั้งแต่เนิ่นๆเลย ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อ ดังนั้นในทางทฤษฎีในทางกฎหมายอาญา เขาไม่อยากตกเป็นแพะอาจหมายความว่าเขาไม่ได้ทําเพราะว่าจะกอบโกยผลประโยชน์เอาเข้าตัวเองคนเดียว แต่อาจจะทําเพราะว่าเขารับคําสั่ง เป็นเครื่องมือของใคร นี่เรื่องที่อัยการจะต้องพิจารณาสืบสวนสอบสวนไป

อย่างไรก็ตาม ฝากสื่อมวลชนช่วยให้ข้อมูลไลน์ กลุ่มผู้เสียหายรวมพลังหุ้นกู้สตาร์ค (ไลน์ @ThaiStark) เพื่อให้ผู้เสียหายมีช่องทางติดตามข่าวกัน เนื่องจากหลายท่านยังไม่ทราบ

ต่อมาเวลา12.00 น. มีรายงานว่าพนักงานอัยการคดีพิเศษ1 มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา 7 รายเป็นบุคคล 2 ราย และนิติบุคคล 5 บริษัท และยังไม่ฟ้อง 4 ราย โดยต้องรอสอบปากคำพยานหลักฐานเพิ่มเติม และติดตามผู้ต้องหาที่หลบหนี

นายวีรพัฒน์ กล่าวอีกว่า ในส่วนผู้ต้องหาอีก 4 ราย อัยการระบุว่ายังไม่สั่งฟ้องในวันนี้เนื่องจากมี 2 ราย ที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติมโดยประสานให้ดีเอสไอดําเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมแล้ว ส่วนอีก 2 ราย อ้างว่าป่วยไม่สามารถเดินทางมายังศาลอาญาได้และอยู่ระหว่างหลบหนี

 

นายวีรพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ประเด็นสําคัญในวันนี้คือมีชื่อของผู้ต้องหา 1 รายหายไปในชั้นอัยการซึ่งถือเป็นมือกฎหมายสําคัญในคดีและมีชื่อผู้ต้องหารายใหม่โผล่เข้ามาแทนที่ เรื่องนี้ตนไม่ทราบเพราะทางอัยการไม่ได้แจ้ง หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ทั้งนี้ยืนยันว่าในฐานตัวแทนของกลุ่มผู้เสียหายและภาคประชาชนจะเดินหน้าฟ้องร้องคดีแพ่ง พร้อมกับเรียกค่าเสียหายเท่าตัวเป็นจํานวนเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาทต่อไป

 

สำหรับรายชื่อผู้ต้องหาทั้ง 11 ราย ได้แก่ 1. นายวนรัชต์ 2.นายชินวัฒน์ 3. นายศรัทธา 4. นายกิตติศักดิ์ 5.บมจ.สตาร์คคอร์เปอเรชั่น 6. บริษัท เฟัลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด 7.บริษัท อดิสรสงขลา จำกัด 8. บริษัท ไทยเคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 9. บริษัท เอเชียแปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด 10. น.ส.ยสบวร และ 11. นายชนินทร์ หลบหนีและศาลมีหมายจับ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ