'DSI' ค้นเป้าหมาย โยงขบวนการลอบนำเข้า 'หมู-ชิ้นส่วนไก่เถื่อน'

11 ม.ค. 2567  พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงกรณี เจ้าหน้าที่ดีเอสไอนำหมายค้น และหมายจับ เข้าตรวจค้นบริษัท แห่งหนึ่งในซอยบางขุนเทียน 15 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน  กทม. ของ นายเจิ้งเจียว ลี่ หรือ เฮียเก้า นายกสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีแอบลักลอบนำเข้า-ส่งออกตีนไก่เถื่อน 

 

 

จากการเข้าตรวจค้นเบื้องต้นไม่พบบุคคลเป้าหมาย โดยนายเจิ้งเจียว ลี่ หรือ เฮียเก้า เดินทางไปประเทศจีน ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 2566 ยังไม่มีกำหนดเดินทางกลับ  ส่วน นายกรินทร์  ลูกชายของเฮียเก้า เดินทางไปที่ฮ่องกง ตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. 2566 เพื่อไปประกอบธุรกิจที่และยังไม่มีกำหนดเดินทางกลับเช่นกัน

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ภรรยาของเฮียเก้า รับปากกับเจ้าหน้าที่ว่าจะติดต่อให้ทั้งคู่เดินทางกลับมา เพื่อเข้ามาพบพนักงานสอบสวนหลังถูกออกหมายจับ 

 

ทั้งนี้ จากการตรวจค้นพบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวกับการรับชิ้นส่วนไก่จากประเทศที่ 3 คือ อุรุกวัย และตุรกี ก่อนที่จะมีการนำมาแพคใหม่ ติดป้ายสินค้าจากประเทศไทย และนำส่งออกไปยังประเทศจีน โดยมีบริษัทชิปปิ้งที่เคยถูกดำเนินคดีในคดีหมูเถื่อน 1 บริษัท  ที่มีความเชื่อมโยงมายังบริษัทของเฮียเก้า ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบอีกครั้ง เนื่องจากพบว่ามีบริษัทชิปปิ้งที่เกี่ยวข้องอีกหลายบริษัท

 

 

 

 

พ.ต.ต.ณฐพล ยังกล่าวอีกว่า บริษัทของเฮียเก้า ยังพบหลักฐานที่เชื่อมไปถึงหน่วยงานภาครัฐที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำชิ้นส่วนไก่ส่งออกไปยังประเทศจีน คือ เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร และเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ รวม 2 ราย ให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกให้เข้ามาให้ปากคำภายในสัปดาห์หน้า เพื่อให้เข้ามาชี้แจงรายละเอียดในการสำแดงเท็จในการลักลอบส่งออก

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม 2 พ่อลูก ที่ถูกออกหมายจับ คาดว่าจะเดินทางกลับประเทศไทยภายในสัปดาห์หน้า เมื่อผู้ต้องหาเดินทางถึงประเทศ ก็จะต้องถูกดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน คือ นายหยาง ยา ซุง และ นางสาวนวพร  ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับพร้อมกับ 2 พ่อลูก ขณะนี้อยู่ที่ต่างประเทศ และได้ติดต่อพนักงานสอบสวนขอเข้าพบภายในสัปดาห์หน้า

 

ในส่วนของหลักฐานเส้นทางการเงิน เบื้องต้นยังไม่พบว่า มีการเชื่อมโยงระหว่างสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย ถึงบุคคลและบริษัทชิปปิ้งใดบ้าง อยู่ในระหว่างให้เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานและทำการตรวจสอบอย่างละเอียด ก่อนที่จะมีการออกหมายจับและติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี รวมไปถึงที่เฮียเก้าเปิดบริษัทผ้าอ้อมสำเร็จรูปเพื่อเป็นการบังหน้าหรือไม่

 

 

 

 

จากการตรวจค้นยังพบว่าภายในบริษัทของเฮียเก้า มีรูปถ่ายคู่กับบุคคลสำคัญในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ระดับอดีตนายกรัฐมนตรี , รัฐมนตรีกระทรวงหน่วยงานต่างๆ , ตำรวจและทหารระดับนายพล รวมไปถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงทางการเมือง ซึ่งเชื่อว่าเฮียเก้า ได้นำรูปเหล่านี้ไปสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทคู่ค้าให้ร่วมลงทุน

 

 

 

 

ส่วนประวัติของนายเจิ้งเจียวลี่ หรือ เฮียเก้า  เป็นถึงนายกสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย ซึ่งถือว่าเป็นตัวการสำคัญในขบวนการเครือข่ายดังกล่าว และจากการตรวจสอบประวัติส่วนตัวพบว่าเป็นน้องชายต่างมารดาของอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่ง