ข่าว

สาวโปรไฟล์หรู 'อดีตหลานสะใภ้อดีตรองนายก' ตุ๋นลงทุนแบรนด์เนม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผู้เสียหาย ร้อง "กองปราบ" จับ "อดีตหลานสะใภ้อดีตรองนายก" ตุ๋นเพื่อน-หมอ-พยาบาล "ลงทุนกระเป๋าแบรนด์เนม" พร้อมแฉโดนตำรวจ เรียกรับเงินค่าทำคดีหัวละหมื่น

10 ม.ค. 2567  นายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์  ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หรือ ทนายรณรงค์ พร้อมด้วยผู้เสียหายกว่า 10 คน เข้าร้องศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้เร่งรัดติดตามคดีงถูกสาวโปรไฟล์ดี อดีตลูกสะใภ้ของอดีตรองนายกรัฐมนตรี โกงเงินลงทุนกระเป๋าแบรนด์เนม มูลค่าความเสียหายรวมกันกว่า 100 ล้านบาท

 

น.ส. จิตฐิติกาญจน์ และ น.ส. ชาริณี  ตัวแทนผู้เสียหาย เปิดเผยว่า สาวผู้ก่อเหตุเป็นคนมีหน้าที่การงานที่ดี เป็นถึงลูกสะใภ้ของอดีตรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น  ชักชวนลงทุนกระเป๋าแบรนด์เนมและหาคนซื้อได้ แต่ติดขัดว่าทุนไม่พอ จะขอให้ผู้เสียหายร่วมกันลงทุนซื้อ เพื่อเอาไปขายต่อแล้วเอาเงินที่ได้มาแบ่งกำไรกัน  ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อเพราะเป็นเพื่อน มีหน้าที่การงานที่ดี ทำงานในโรงพยาบาลชื่อดัง และมีสามีเป็นนักการเมือง 

 

 

ผู้เสียหาย ร้องถูกสาวโปรไฟล์ดี นามสกุลดัง อดีตลูกสะใภ้อดีตรองนายก ตุ๋นลงทุน

 

 

กลุ่มผู้เสียหาย ยังเคยเห็นภาพที่ผู้ก่อเหตุถ่ายรูปคู่กับกระเป๋าแบรนด์เนม ทำให้ไม่คิดว่าจะมีปัญหา โดยช่วงแรกเริ่มลงทุนกระเป๋าที่ราคาไม่สูงมาก ได้กำไรหลักร้อยถึงหลักพัน ซึ่งได้ตรงตามที่ตกลงไว้ ต่อมา ช่วงเดือน ก.ค. 2566 เริ่มมีปัญหากับการลงทุนซื้อขายกระเป๋าที่มีราคาสูง ผู้เสียหายบางคนอยากได้เงินต้นคืน ก็จะมีการอ้างเหตุผลต่างๆ นานา จากนั้นก็เริ่มมีปัญหาจ่ายเงินไม่ครบ จ่ายล่าช้า ผู้ก่อเหตุกลับขอให้ลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะทำสัญญาใด ๆ เพื่อเป็นหลักฐานก็ได้

 

จนผู้เสียหายเริ่มมาเอะใจที่ติดต่อผู้ก่อเหตุยากขึ้น  เมื่อสอบถามกับกลุ่มเพื่อน จึงรู้ว่าถูกหลอก และเมื่อรวมกลุ่มกัน ยิ่งมีผู้เสียหายมากถึง 30-40 ราย ความเสียหายมูลค่ารวมกันน่าจะเกือบ 100 ล้านบาทแล้ว


 

ผู้เสียหาย ร้องถูกสาวโปรไฟล์ดี นามสกุลดัง อดีตลูกสะใภ้อดีตรองนายก ตุ๋นลงทุน

 

ก่อนหน้านี้ ผู้เสียหายเคยไปตามที่บ้านผู้ก่อเหตุ เจ้าตัวก็ยอมรับว่ามีปัญหาเกิดจากการทำธุรกิจผิดพลาด แต่เมื่อผู้เสียหายจึงได้ตรวจสอบในโทรศัพท์มือถือของผู้ก่อเหตุก็พบว่ามีกลุ่มลงทุนแชร์ทองจำนวนมาก อีกทั้งเมื่อตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ก่อเหตุเคยถูกดำเนินคดีเพราะเป็นเท้าแชร์ แล้วล้มแชร์ เมื่อ 5-6 ปีก่อน

 

ส่วนสามีที่ของผู้ก่อเหตุที่เป็นนักการเมือง ก็ปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่อง ตัวเองก็ลงทุนไปกว่า 6 ล้านบาท ตอนนี้ได้หย่ากับผู้ก่อเหตุแล้ว ส่วนโรงพยาบาลที่ผู้ก่อเหตุทำงาน ก็ถูกให้ลาออกไปแล้วตั้งแต่เดือน พ.ย.ที่ผ่านมา เพราะมีบุคลากรทางการแพทย์นับ 10 คน ถูกหลอกเหมือนกัน เจ้าตัวก็ยอมรับว่าไม่รู้จะทำอย่างไร จะขอโอกาสทำงานหาเงินใช้หนี้คืน

 

ทั้งนี้ ผู้เสียหาย เคยรวมตัวกันมาร้องที่กองปราบตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่จนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย วันนี้จึงอยากมาทวงถามความคืบหน้าคดีด้วย 

 

นอกจากนี้ มีผู้เสียหายบางคนให้ข้อมูลว่า ได้ไปแจ้งความไว้ที่ สถานีตำรวจนครบาลแห่งหนึ่ง แต่กลับถูกตำรวจขอคิดเงินค่าทำคดีจากผู้เสียหายคนละ 10,000 บาท แต่ทางผู้เสียหายก็ไม่ได้ให้ไป 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ