‘อัจฉริยะ’ โชว์คลิปเสียงสนทนา โต้กลับแม่แตงโม

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ม.ค.67 ที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. (ดินแดง) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้สัมภาษณ์กรณีที่นางภนิดา ศิริยุทธโยธิน แม่แตงโม นิดา แจ้งความว่า ถูก สิบเอก ช. อดีตที่ปรึกษาทางกฎหมาย ยักยอกเงิน 5.5 แสนบาท

โดยนายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า สิบเอก ช. มีหมายจับที่ สน.ลุมพินี จึงไม่สามารถมาแถลงข่าวร่วมกับตนเองได้ เกรงว่าจะถูกจับ จึงมอบหมายให้ตนมาชี้แจงแทน ประกอบกับตนมีเพื่อนที่อยู่ในทีมงานของ สิบเอก ช. จึงได้รับข้อมูลในทางกลับกัน

นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า วันนี้มาเป็นตัวแทนในการแถลงข้อเท็จจริงให้สังคม แซน โรเบิร์ต ปอ และทนายเดชา หรือนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เพื่อนรักของตนได้ทราบความจริงว่า การแถลงวานนี้ (8 ม.ค.) ของคุณแม่ไม่เป็นความจริง จะสังเกตได้ว่าที่ผ่านมาคุณแม่เททิ้งมาหลายชุดแล้ว จากเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่อ้างว่าทีมที่ปรึกษากฎหมายยักยอกเงินนั้น อยากฝากบอกว่าไม่ใช่เอาเงินเป็นตัวตั้ง ควรสนใจปมการตายของลูกสาวมากกว่า

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า สิบเอก ช. จัดหาทนายความให้คุณแม่ 2 ราย คือ ทนาย พ. ไพศาล และ ทนาย ช. และยังมีการตกลงในคดีแพ่งต่างๆ แม้กระทั่งการฟ้องร้องคดีใหม่ ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายนั้น คุณแม่ก็ว่าจ้าง ทนาย ช. โดยระบุชัดเจนว่า หากคุณแม่ได้รับเงินเยียวยาจากคดีน้องแตงโมเท่าไร ก็จะแบ่งให้ ทนาย ช. 30% ต่อมาวันที่ 21 ก.ย.65 มีการโอนเงิน 2,000,000 บาท จากนายปอ และนายโรเบิร์ต จ่ายผ่านแคชเชียร์เช็ค 2 ใบ ใบละ 800,000 บาท มอบให้คุณแม่ตอนไปขึ้นศาลจังหวัดนนทบุรี และแม่ต้องจ่าย 600,000 บาทให้ ทนาย ช. ตามสัญญา แต่แม่กลับมีการจ่ายเงินสดให้ ทนาย ช. เพียง 400,000 บาท ส่วน 200,000 บาทที่เหลือแม่ขอติดไว้ก่อน กระทั่งผ่านมา 12 เดือน แม่ยังค้างจ่ายอยู่ ถือว่าผิดตามสัญญาว่าจ้าง และหากจะยกเลิกจะต้องมีเป็นเอกสารลายลักษณ์อักษรจากทางคุณแม่ภายใน 15 วัน ส่วนถ้าหาก ทนาย ช.ไม่ได้ทำผิดอะไร แต่คุณแม่จะมาบอกเลิกจ้างก็จะต้องถูกปรับเป็น2เท่าของมูลค่าเงินที่คุณแม่ต้องจ่ายให้ ดังนั้น ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เงินยักยอกแต่ว่าเป็นเงินที่ได้จากการว่าจ้างตามวิชาชีพ

นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า ในกรณีที่แม่ค้างจ่าย ทนาย ช. อีก 200,000 บาทนั้น ในข้อเท็จจริงไม่ว่าแม่จะได้เงินเยียวยามากี่บาท ทนาย ช.จะต้องได้รับ 30% ซึ่งแม้ในกรณีที่คุณแม่ได้รับเงินจาก ปอและโรเบิร์ตเดือนละ 30,000 ทนาย ช. จะต้องได้ 30% เช่นเดียวกัน ทำให้ ทนาย ช.จะได้เดือนละ 9,000 บาท เมื่อสรุปยอดรวมแล้ว ทั้งเงินเดือนและของเก่าที่ค้างไว้คุณแม่ติดจ่ายให้ ทนาย ช.อยู่ประมาณ 380,000 บาท มีใบเตือนยื่นแจ้งไปแล้ว โดยในส่วนทนายความ2คนนี้  สิบเอก ช. จะเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบเอง การมอบเงินตามใบเสร็จไม่ใช่สัญญาทาส แต่เป็นข้อตกลงระหว่างคน 2 คน อีกทั้ง นาย ช. ที่ปรึกษากฎหมายของคุณแม่ แต่ไม่ใช่ทนายความของแม่

นายอัจฉริยะ กล่าวด้วยว่า เวลาดีกันก็จัดการให้หมด พอตอนนี้ผลประโยชน์ไม่ลงตัวก็เลยแตกกัน ส่วนประเด็นเงิน 400,000 บาทในรอบหลังนั้น นายโรเบิร์ตโอนให้ ทนาย ช. เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.66 เป็นเงินที่ทนาย ช. พาเจ้าของนักธุรกิจซื้อขายรถยนต์ไปดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องการซื้อรถยนต์หรูมือสองกับปอและโรเบิร์ต ทำให้นายปอและนายโรเบิร์ต โอนเงินดังกล่าวให้เป็นรางวัลแก่ทนาย ช. ซึ่งเป็นการโอนเงินตรงเข้าบัญชีเจ้าตัว หรือเรียกว่าเป็นค่าคอมมิชชั่นภายหลังการขาย ไม่ใช่เงินโบนัสสำหรับคุณแม่ แต่พอเกิดเหตุแบบนี้คุณแม่กลับมีการโทรศัพท์มาทวงทนาย ช. ทุกเช้าเย็นว่าจะต้องโอน 200,000 บาทให้แม่ด้วย แต่เนื่องด้วยตอนนั้นทนาย ช. ติดทำคดีที่จะฟ้องมาตรา 290 แก่คนบนเรือที่เหลืออีก 4 ราย ยกเว้นปอและโรเบิร์ต ทนาย ช. จึงกลัวว่าจะมีปัญหาขัดแย้งกัน จึงตัดสินใจจ่ายให้แม่ 50,000 บาทก่อน ส่วนอีก 150,000 บาททำเป็นสัญญากู้ยืมเงินระหว่างกันแทน

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ทนาย ช. ยังไม่ได้เซ็นร่างคำฟ้องมาตรา 290 ดังนั้น หากแม่บอกว่าเป็นเงินโบนัสจากปอและโรเบิร์ต ทำไมทั้งสองคนที่เป็นลูกชายสุดที่รักของแม่จึงไม่โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของแม่โดยตรงแต่กลับโอนเข้าบัญชีธนาคารของทนาย ช. ตรงนี้บุคคลที่เป็นผู้โอนเงินให้ทนาย ช. ก็คือปอและโรเบิร์ตจะต้องออกมาชี้แจงให้สังคมได้รับทราบข้อเท็จจริงว่าเงิน 400,000 บาทนี้เป็นเงินค่าคอมมิชชั่นที่ได้จากการขายรถหรือเป็นค่าโบนัสให้แม่แตงโม

นายอัจฉริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่มีในมือมีความรอบด้าน ทนาย ช. และคุณแม่กล่าวอ้างไม่เหมือนกัน คนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดคือปอและโรเบิร์ต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอัจฉริยะ นำภาพหลักฐานจดหมายของคุณแม่แตงโมที่เขียนด้วยลายมือ และคลิปเสียงสนทนาที่คล้ายเสียงของแม่แตงโมความยาวเกือบ7นาที เพื่อยืนยันในกรณีที่แม่อ้างว่าไม่รู้เรื่องที่ทนาย ช. เขียนร่างคำฟ้องเตรียมฟ้องคนบนเรือ มาแสดงด้วย