ส่งท้ายปี ยุทธการสยบไพรีปราบสมุทร 'ยึดทรัพย์' เครือข่ายยาเสพติด 140 ล้าน

26 ธ.ค. 2566 ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผล "ยุทธการสยบไพรีปราบสมุทร"  ยึดทรัพย์กว่า 140 ล้านบาท โดยมีการดำเนินการต่อเนื่องดังนี้

 

 

 

 

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2566  ตำรวจ ปส. จับกุมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดข้ามชาติ ระหว่างขนยาเสพติด ลงเรือศรีมงคลทรัพย์ บริเวณท่าเรือ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา พบยาไอช์ อัดแน่นอยู่ในถุงผลไม้อบแห้งใส่กล่อง รวม 52 กล่อง และคีตามีน บรรจุแพ็คอัดแน่นในถุงชา 48 กล่อง รวมน้ำหนักทั้งหมดประมาณ 2,200 กก. สามารถควบคุมตัวผู้เกี่ยวข้องได้รวม 14 คน เป็นผู้กระทำผิดรวม 4 คน

 

 

 

 

 

ต่อมาวันที่ 7 ธ.ค. 2566 จากการขยายผล พนักงานสอบสวน ได้ยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลอาญา ออกหมายจับผู้ร่วมกระทำผิดจำนวน 3 คน ได้แก่ นายชานนท์ หัวหน้าทีมขับรถยนต์ลำเลียง, นายศิริทรัพย์ ทีมการ์ดบนเรือ และนายศิริทรัพย์ ได้เข้ามามอบตัวภายหลัง และผู้สั่งการคือนายชาญชัย หรือกัปตันตุ้ย อดีตกัปตันเรือเรือที่มีชื่อเสียงระดับท็อปของประเทศไทย ที่ผันตัวมาเปิดบริษัทเดินเรือ โดยเป็นผู้บริหารจัดการลำเลียงยาเสพติดทางเรือครั้งนี้ โดยเช่าเรือศรีมงคลทรัพย์ไปส่งยาเสพติดในน่านน้ำสากลและพบว่าเคยมีการลักลอบลำเลียงมาแล้ว 7 ครั้ง ในช่วงเดือน มิ.ย.-ธ.ค. 2566 โดยอ้างว่ามี "พ่อเลี้ยง" เป็นคนสั่งการใหญ่ที่จะเป็นผู้สั่งการนายชาญชัย และทีมงานทั้งหมดนี้ และออกหมายจับนายอนุรุต ซึ่งเป็นตัวการสำคัญอีกคนหนึ่งที่คอยทำหน้าที่ในการประสานงาน

 

 

 

 

วันที่ 9-20 ธ.ค. 2566 บก.ปส.3, บก.ขส.และ สำนักงาน ป.ป.ส. เข้าปิดล้อมตรวจค้นจับกุม ต้องหาจำนวน 3 ราย สามารถจับกุมได้ 1 รายคือนายอนุรุต และยึดทรัพย์สินของนายชาญชัย มูลค่า รวมประมาณ 140 ล้านบาท

 

 

 

 

พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. ระบุว่า ภายหลังการจับกุม ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้สืบสวนขยายผลมาอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มเครือข่ายนี้มีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดปริมาณมากออกไปยังต่างประเทศโดยทางเรือมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งปลายทางคือประเทศไต้หวัน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเชีย มาเลเซีย ออสเตรเลีย ซึ่งถือเป็นเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการลักลอบลำเลียง

 

 

 

 

โดยเครือข่ายนี้มีลักษณะการทำงานเป็นองค์กรอาชญากรรมและมีผู้เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก ขณะนี้ตำรวจปราบปรามยาเสพติดกำลังทำการสืบสวนขยายผลยึดทรัพย์เครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งระดับผู้สั่งการและผู้เกี่ยวข้งอื่นๆ ในประเทศและต่างประเทศต่อไป