'แม่น้องหยอด' บุกดูหน้า 'ไอ้วิน' มือยิงลูกชาย-ครูเจี๊ยบ

หลังตำรวจศูนย์สืบสวนนครบาล รวบตัวมือยิงน้องหยอดและครูเจี๊ยบเสียชีวิตได้แล้วเมื่อวานนี้ 

 

โดยนางสาวพรพิมล จำเมือง อายุ 50 ปี แม่น้องหยอด เดินทางมาที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า มาขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมและมาดูผู้ต้องหาซึ่งเป็นมือยิง มีสิทธิ์ได้แค่มาดู ทุกอย่างขอให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เพราะ "คนพวกนี้สำนึกไม่เป็น"

นางสาวพรพิมล ยอมรับว่า มีคนมาเยาะเย้ยและหัวเราะเยาะใส่ ซึ่งมีผู้หวังดีส่งภาพมาให้ แต่ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ก็ปล่อยไป ไม่คิดเอามาเป็นประเด็น รวมถึงเมื่อเช้าระหว่างเดินทางมาที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลมีคนมาดักรอตนนั้น และมีการส่งภาพเข้ามาป่วนว่าระวังตัวไว้ ตนก็ได้แต่ปล่อยไปเพราะไม่รู้ว่าจริงหรือไม่

 

ส่วนเมื่อวานนี้เหตุการณ์ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคนเข้ามาป่วน ขณะที่ตนยื่นหนังสือคัดค้านการประกันตัวของกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 12 คน โดยมีคนเข้ามาถามรุ่นพี่ของน้องหยอดลักษณะก่อกวน ปั่นป่วน ให้มีอารมณ์แต่พวกตนรู้ทันเกมเลยปล่อยไป ซึ่งเมื่อสอบถามไปก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นใครมาจากไหน แต่ก็พอจะทราบว่ามาจากฝ่ายไหน โดยเหตุการณ์นี้จะไม่แจ้งความ เนื่องจากตำรวจศาลมีหลักฐาน และภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่ายังไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงเป็นแค่การยั่วยุเท่านั้น

เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่ที่ถูกข่มขู่ ในความรู้สึกของตนเกินคำว่ากลัวไปแล้ว มาถึงจุดนี้ก็ต้องไปให้ถึงที่สุด และมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับกุมคนที่หลบหนี มั่นใจ 99% ยอมรับอยากเห็นตัวนายเลาะมากที่สุดเพราะอยากดูหน้าคนที่โหดเหี้ยมสั่งให้ฆ่าคนให้ตายได้ มีหน้าตา แววตา สายตา เป็นอย่างไร และ จิตใจทำด้วยอะไร

 

ส่วนจะฝากถึง ผบ.ตร. หลายๆเคส ที่ก่อเหตุโดยกลุ่มนักเรียนอาชีวะ ผู้ปกครองที่สูญเสียก็จะพูดเหมือนกันว่า "ขอให้จบ ให้มันหมด ให้มันสุดแค่นี้" แต่ไม่รู้ว่าจะสามารถทำได้สักแค่ไหน เชื่อในชุดทำงานชุดนี้ทุกคนมีความมุ่งมั่น และตั้งใจในตามจับตัวคนร้าย อยากให้มันจบสงบยุตติสักที 

 

นางสาวพรพิมล ยอมรับว่า ขณะนี้ก็มีความกังวลใจหลังจากที่มีข่าวออกมาว่ากลุ่มผู้ต้องหา 9 คนก่อนหน้าได้รับการประกันตัว และไม่รู้ว่าทางเขาอะไรยังไงกัน เพราะเราเป็นคนบ้านๆ ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ แต่หากมองอีกมุมหนึ่งนี่คือข่าวใหญ่ระดับประเทศความผิดร้ายแรงโทษหนัก รับรู้กันทั่วประเทศ เพราะฉะนั้นผู้ใหญ่ที่มองเห็นเขาก็น่าจะพิจารณาได้ว่าเห็นสมควรแบบไหนอย่างไร 

 

“ก่อนที่จะเดินทางมาได้จุดธูปบอกกับลูกชายว่าวันนี้จะเดินทางมาเพื่อดูหน้าของคนร้าย ตอนนี้เข้าใกล้ความจริงแล้ว ขอให้คนที่สั่งฆ่า ไปไหนไม่รอดถึงทางตัน น้องหยอดจะได้ไปแบบไม่ต้องมีห่วงอะไรซักที เพราะเวลานี้ต้นรู้ว่าน้องหยอดยังคงวนเวียนกังวลอยู่” นางสาวพรพิมล กล่าว

 

"หากได้เจอหน้ามือยิงอยากถามว่า ทำแล้วได้อะไรบ้าง ได้โล่ไหม ได้เงินรางวัลไหม ได้คุณงามความดีไหม เค้าได้เชิดชูเราไหม เมื่อทำไปแล้วได้อะไรบ้างครอบครัว และตัวคุณได้อะไร นอกจากหนีหัวซุกหัวซุน ครอบครัวจะเดือดร้อนไหมและจะเป็นบาปกรรม เวรกรรมที่ติดตัว อยากรู้ว่าที่ทำน้องหยอด และครูเจี๊ยบ ตายแล้วสิ่งที่ได้จากสังคมตอนนี้ได้อะไรบ้าง จากคนที่ยุ และหนุนคุณให้ทำและคุณนะได้อะไรจากพวกเขาบ้างนอกจากหนีหัวซุก หัวซุน จนหนีไม่รอด" นางสาวพรพิมล กล่าว

 

หลังจากนี้ตนก็จะใช้ชีวิตปกติ เพราะไม่ได้ทำเขาก่อนแต่เขามาทำแม่ก่อน และอยากจะบอกให้ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมาอะไรกับแม่ เพราะแม่เป็นคนบ้านๆไม่มีพิษมีภัยแต่ที่มาถึงจุดนี้เพราะทำลูกแม่แม่ก็ต้องเดินหน้าเรียกความยุติธรรมให้กับลูกแม่ 

ด้านแม่น้องเฟริส ของผู้เสียชีวิตในงานแต่งงานเมื่อปี 65 ที่มือยิงคือ เป๊ปซี่ 1 ในกลุ่มผู้ต้องหา เดินทางมาด้วยเช่นกัน บอกว่า ตั้งใจมาพบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อยากให้ดูเรื่องสำนวนให้รัดกุม เพราะเหตุเกิดตั้งแต่ปีที่แล้ว เพิ่มได้ฟ้องเมื่อวัน พฤหัสบดีที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าล่าช้าตรงไหน และ เมื่อวานที่ศาลฯ ระหว่างที่พวกตนกำลังเดินเข้าไปทำเรื่องขอคัดค้านการประกันตัว มีคนเดินเข้ามาหาเรื่องพร้อมกับพูดว่า "คัดค้านประกันภัยใคร กูมาประกันพี่กู" ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ตนมีความกังวลเป็นอย่างมาก เพราะขนาดอยู่ที่ศาลยังไม่กลัวเลย 

 

ทั้งนี้ตั้งแต่เกิดเรื่องผู้ต้องหาทั้ง 14 คนและญาติของผู้ต้องหาไม่เคยมีใครมาขอโทษ ถ้าจะมีการล้างแค้นให้กัน อยากจะถามว่าคนที่ตายเป็นอะไรกับเขา ญาติก็ไม่ใช่ ทำไมถึงเจ็บปวดและต้องล้างแค้นให้ ทำไมใช้ศาลเตี้ยในการตัดสิน

 

นอกจากนี้ยังพบภาพ ที่สามารถแคปจากกลุ่มเพื่อนผู้ต้องหาหลังจากวันจับที่เซฟเฮาส์วงศ์สว่าง เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่ผ่านมา