ตำรวจ ยืนยัน แจ้งข้อหา 'เด็กหญิง 14' ขโมยเงิน 'ครู' 7 แสนบาท แล้ว ในข้อหา ลักทรัพย์ ในเคหะสถาน แฟนหนุ่ม จ่อโดนแจ้งข้อหาด้วย ฐาน รับของโจร
ความคืบหน้า “ครู” โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยคตว่า ถูก “เด็กหญิง 14 ปี” นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ฉวยโอกาสเดินเข้าไปภายในร้านค้า ซึ่งเป็นบ้านพัก ก่อนขโมยเงินสด จำนวน 700,000 บาท นำไปซื้อโทรศัพท์มือถือ iphone แจกเพื่อนจำนวน 11 เครื่อง โดยเหตุเกิดตั้งแต่ เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2566 แต่ครูยังได้เงินคืนไม่ครบ จนเกิดภาวะเครียด
พ.ต.อ.บุญเชิด จันทร์มณี ผู้กำกับการ สภ.ห้วยคต เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเมื่อได้รับรายงาน จึงสั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่เพื่อทำการตรวจสอบทันที กระทั่งทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน และเป็นเด็กหญิงอายุเพียงแค่ 14 ปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อตำรวจได้หลักฐาน และพยานต่างๆ ครบถ้วนแล้ว จึงได้แจ้งข้อหากับเด็กหญิงรายนี้ ฐานลักทรัพย์ในเคหะสถาน เบื้องต้นคดีนี้ถึงแม้ว่า เด็กจะเป็นผู้เยาว์ แต่ก็ไม่ต้องสอบปากคำต่อหน้าสหวิชาชีพ เนื่องจากเป็นคดีลักทรัพย์ ไม่ใช่คดีเกี่ยวกับทางเพศ ที่จะต้องมีสหวิชาชีพ เพราะไม่ได้เป็นความผิดตามประมวลกฏหมายพิธีพิจารณาความอาญา ที่ได้กำหนดไว้ ส่วนแฟนหนุ่มที่รับเงินไปด้วยนั้น เบื้องต้นจะต้องถูกแจ้งข้อหารับของโจร
ทั้งนี้ คดีขโมยเงินจำนวน 7 แสนบาทดังกล่าว หากมีผู้ใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ก็จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด โดยขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
ส่วนคดีที่เกิดขึ้น ทางผู้ปกครองของเด็กหญิงรายนี้ จะต้องถูกดำเนินคดี หรือชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.บุญเชิด กล่าวว่า ผู้ปกครองของเด็กหญิง ต้องรับผิดชอบด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของเงินที่เด็กขโมยไป จะต้องชดใช้ให้กับผู้เสียหาย ส่วนของผู้ที่รับเงินจำนวนดังกล่าวไปนั้น ขณะนี้กำลังตรวจสอบ และรวบรวมหลักฐานอยู่ว่า มีใครบ้าง อาทิ ร้านขายโทรศัพท์, แฟนหนุ่ม, กลุ่มเพื่อนๆ ของเด็ก ซึ่งขณะนี้สามารถติดตามเงินมาได้แล้วบางส่วน แต่ก็ไม่มากนัก
ด้าน นายสถาพร ฉวีกุลมหันต์ หรือ ทนายบี ทนายความอิสระ เปิดเผยว่า ในข้อกฎหมาย ประมวลกฏหมายอาญามาตรา 74 เขียนไว้ชัดเจนว่า เด็กอายุตั้งแต่ 12 แต่ไม่เกิน 15 ปี ถ้ากระทำความผิด ไม่ต้องรับโทษ แต่ศาล อาจมีอำนาจออกมาตรการได้ เช่น เรียกมาว่ากล่าวตักเตือน หรือ คุมประพฤติ หรือเรียกบิดามารดามา และวางข้อกำหนดต่างๆ อย่าให้ไปทำความผิดอีก หรือส่งเด็กไปสถานศึกษา หรือฝึกอบรมต่างๆ ได้
ส่วนในเรื่องของความรับผิดทางแพ่ง ทนายบี ยืนยันว่า สามารถดำเนินคดีทางแพ่ง กับบิดามารดาของเด็กได้ด้วย ถ้ากังวลว่าเด็ก ไม่มีทรัพย์สินที่จะบังคับคดีมาชดใช้ความเสียหายได้ เพราะว่าบิดามารดา ต้องมีส่วนในการรับผิดชอบตรงนี้ด้วย เพราะฉะนั้นผู้เสียหายไม่ต้องกังวลว่า เงินจะไม่ได้คืน เพราะเด็กมีการรับสารภาพแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง