'อัจฉริยะ' หอบหลักฐานเอาผิด จนท.DSI และอดีตนักข่าว แอบอ้างกรมปศุสัตว์เรียกรับเงิน 12 ล้านจากบริษัทเดินเรือ เร่งเคลียร์ตู้คอนเทรนเนอร์ 'หมูเถื่อน'
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI และ อดีตนักข่าวสำนักข่าวชื่อดังแห่งหนี่ง ในข้อหา "กรรโชกทรัพย์" เนื่องจากพบว่ามีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากบริษัทเดินเรือ โดยอ้างว่าเป็นเงินที่ส่งมอบให้กรมปศุสัตว์เพื่อใช้ในการฝังกลบ "หมูเถื่อน" จำนวน 161 ตู้
ซึ่งได้รับเรื่องร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ มีเจ้าหน้าที่ DSI และอดีตนักข่าวสำนักข่าวแห่งหนึ่งเรียกรับเงินจากบริษัทเดินเรือ ซึ่งเป็นเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุสินค้าหมูเถื่อนมากกว่า 10 บริษัท อ้างว่านำเงินจำนวนนี้ไปเร่งรัดในการทำลายหมูเถื่อน เพื่อเคลียร์ตู้คอนเทนเนอร์และส่งคืนตู้คอนเทนเนอร์ให้กับบริษัทเดินเรือโดยเร็ว ค่าดำเนินการรวม 12 ล้านบาท จากการตรวจสอบไปยังอธิบดีกรมปศุสัตว์ พบว่าไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าว
โดยในความเป็นจริงการฝังกลบหมูเถื่อนแต่ละตู้คอนเทนเนอร์นั้น ผู้รับเหมาที่ทำหน้าที่ทำลายหมูเถื่อนคิดค่าทำลายตู้ละ 32,000 บาท รวมเบ็ดเสร็จทั้ง 161 ตู้ประมาณ 5 ล้านบาท ตามระเบียบทางกรมปศุสัตว์จะต้องไปเรียกเก็บจากบริษัทชิปปิ้งเรือผู้กระทำความผิดในคดีนำเข้าหมูเถื่อน ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทเดินเรือที่เป็นเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์ รวมถึงทางกองทัพเรือซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่ในการฝังกลบหมูเถื่อนจำนวนนี้ ก็ไม่ได้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายส่วนนี้ด้วย
นายอัจฉริยะ ระบุว่า เป็นเรื่องแอบอ้างกรมปศุสัตว์เพื่อเรียกรับผลประโยชน์เข้าตัวเอง ยืนยันมีหลักฐานเป็นเอกสารที่กรมปศุสัตว์ขอให้ DSI ตรวจสอบพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ และคลิปเสียงที่ทั้งสองคนนั้นไปพูดคุยเรียกรับผลประโยชน์จากบริษัทเดินเรือ รวมทั้งยังมีความพยายามที่จะเปลี่ยนตัวผู้รับเหมาฝังกลบ ให้เป็นผู้รับเหมาที่เป็นคนของเจ้าหน้าที่ DSI รายนี้
นายอัจฉริยะกล่าวถึงอดีตนักข่าว เป็นคนที่เจ้าหน้าที่ DSI นำมาแอบอ้างกับกองทัพเรือว่า เป็นตัวแทนเข้าร่วมคณะกรรมการดำเนินการเกี่ยวกับการฝังกลบทำลายหมูเถื่อน โดยอ้างว่าอดีตนักข่าวคนนี้จะช่วยพูดคุยด้านมวลชน ทำความเข้าใจกับชาวบ้านและนักการเมืองท้องถิ่น เพื่อไม่ให้เกิดการลุกฮือต่อต้านการฝังกลบได้ แต่อดีตนักข่าวคนนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานของ DSI รวมถึงยังพบมีการแทรกแซงข่มขู่ หากคณะกรรมการทำลายหมูเถื่อนไม่ยินยอมให้อดีตนักข่าวรายนี้เข้าร่วมการทำงาน จะยั่วยุให้มวลชนท้องถิ่นลุกฮือคัดค้านการฝังกลบหมูเถื่อน
นายอัจฉริยะ เล่าต่อว่า เท่าที่ทราบอดีตนักข่าวคนนี้เคยมีประวัติถูกดำเนินคดีหลายคดีและมีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ DSI รายนี้ รวมทั้งใช้ความเป็นนักข่าวเป็นผู้มีอิทธิพลเข้ามาแทรกแซงการทำงานของ DSI หลายครั้ง จนทำให้ไม่มีใครกล้าหือ จึงมาแจ้งความดำเนินคดีกับทั้ง 2 รายนี้ แอบอ้างหน่วยงานราชการไปเรียกรับผลประโยชน์ให้กับตนเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง