ข่าว

ปม 'หนี้นอกระบบ' หนุ่ม ร้อง ภรรยา โดนอุ้ม ค้างหนี้ 9 หมื่น ที่แท้ โอละพ่อ

03 ธ.ค. 2566

'หนุ่ม' ร้อง ภรรยา อาชีพแบ็คสเตจ อ้าง โดนอุ้ม อุกอาจ หน้าศูนย์วัฒนธรรมฯ ปมค้าง หนี้นอกระบบ 90,000 บาท กลายเป็นเรื่อง โอละพ่อ สารภาพแล้ว กุเรื่อง สามี จ่อขอแยกทาง โกหกซ้ำซาก

หลังจากนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พานายเอก (นามสมมติ) ชายหนุ่ม เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง โดยอ้างว่า เจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ พาพวกอุ้มภรรยา หายไปจากที่ทำงาน บริเวณด้านหน้าศูนย์วัฒนธรรม โดยบอกว่า หากไม่นำเงินมาคืนจะทำร้ายร่างกาย แต่สุดท้ายกลายเป็นเรื่องโอละพ่อ 

ร้องสายไหมต้องรอดภรรยาถูกอุ้ม

นายเอก (นามสมมติ) เปิดเผยว่า ตนคบกับภรรยาคนนี้มา 10 กว่าปี มีอาชีพแบ็คสเตจ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงิน แต่พักหลังๆ งานน้อย เริ่มหมุนเงินไม่ทัน ทำให้การเงินมีปัญหา ภรรยาจึงไปกู้ยืมจากเจ้าหนี้นอกระบบ รวมเป็นเงิน 150,000 บาท ซึ่งมีการใช้หนี้ไปแล้วบางส่วน เหลืออีก 90,000 บาท กระทั่ง ภรรยาไม่มีเงินให้แล้ว จึงได้ต่อรองเจ้าหนี้ จนสรุปว่าให้ทะยอยจ่ายเงินจำนวน 90,000 บาท คืน 4 งวด หากผิดนัดจะมีการคิดดอกด้วย

 

 

โดยงวดแรก คือ วันที่ 30 พ.ย. 2566 ต้องจ่ายให้เจ้าหนี้ 37,000 บาท แต่ตนจ่ายให้ไม่ครบ และขอเลื่อนที่เหลือไปรวมกับยอดงวดถัดไป กระทั่ง ในวันเดียวกัน ตนได้ไปส่งภรรยาที่ปั๊มน้ำมันหน้าบ้าน ตามความต้องการของภรรยา เพราะโดยปกติ จะไปส่งที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นที่ทำงาน (งานแสดงโขน) จากนั้นเพื่อนของภรรยาก็มารับและเดินทางไปทำงาน

 

 

จนกระทั่ง เวลา 11.00 น. ภรรยาไลน์มาหาว่า เข้าที่ทำงานไม่ได้ เพราะมีกลุ่มชายประมาณ 7-8 คน ยืนดักรอที่หน้าทางเข้าทำงาน จากนั้นก็ขาดการติดต่อไป จนแฟนได้ติดต่อผ่านไลน์ และบอกว่าโดนอุ้มไป และถูกทำร้ายร่างกายให้หาเงินมาคืนให้ครบ หากไม่หาเงินมาให้ จะถูกส่งไปขายที่อื่น

สามีแจ้งตำรวจภรรยาอ้างถูกอุ้ม

นายเอก เล่าต่อว่า ตอนแรกยังไม่ปักใจเชื่อ กระทั่งเมื่อคืน ภรรยาได้คอลไลน์ไปหาญาติด้วยใบหน้าเปื้อนเลือด และบอกว่าให้ช่วยหาเงิน ไม่งั้นจะถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งก่อนหน้าที่จะมาแจ้งความ ตนหาเงินได้ 10,000 บาท และโอนเข้าบัญชีภรรยาไปแล้ว เพราะคนร้ายจะให้ใช้วิธีโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารภรรยาตน

 

 

ด้านนายเอกภพ เปิดเผยว่า เรื่องนี้ถูกร้องเรียนมาตั้งแต่เมื่อ 2 วันที่แล้ว ซึ่งตอนแรกๆ ตนก็มองว่าอาจเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมาหรือไม่ แต่เมื่อคืน มีภาพที่ภรรยาของนายเอก(นามสมมติ) คอลวีดีโอมาในสภาพเลือดเต็มใบหน้า มีแผลใต้ตา จึงคิดว่าเรื่องนี้ควรแจ้งความไว้ก่อน ซึ่งหากเป็นเรื่องจริง จะได้ติดตามตัว และช่วยเหลือกันได้ทันท่วงที ซึ่งถือว่าอุกอาจมาก เพราะมาดักอุ้มคนในสถานที่สาธารณะ

 

 

ล่าสุด ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง ได้ลงพื้นที่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดที่ น.ส.เปมิกา(สงวนนามสกุล) ภรรยาของนายเอก (นามสมมติ) ทำงานอยู่ ขณะเดียวกันเหมือน น.ส.เปมิกา จะจับสัญญาณความผิดปกติได้ จึงโอนเงินคืนให้นายเอก โดยอ้างว่า เป็นเงินส่วนที่ยืมเพื่อนมา ซึ่งเพื่อนโอนให้นายเอก เอาไว้ใช้เพราะเป็นห่วง

หลักฐานแชทไลน์

ต่อมา มีรายงานว่า ภายหลังชุดสืบสวนเข้าถึงตัวของ น.ส.เปมิกา และพบว่า ไม่ได้ถูกกักขัง หรือถูกทำร้ายร่างกาย โดยเจ้าตัวยอมรับสารภาพเบื้องต้นว่า สร้างเรื่องทุกอย่างขึ้นจริง แต่ยังไม่มีการสอบถามเหตุผล เนื่องจากเจ้าตัวยังอยู่ในระหว่างทำงาน

หลักฐานแชทไลน์

ก่อนหน้านี้ นายเอก(นามสมมติ) สามี เคยให้ข้อมูลว่า น.ส.เปมิกา ภรรยา เคยอ้างว่า ถูกเจ้าหนี้อุ้มไปเรียกเงิน 2 ครั้ง ซึ่งครั้งนี้หากโกหกอีก ตนจะเลิกรากับนางสาวเปมิกาจริงๆ