'บิ๊กโจ๊ก' ขานรับ 'INTERPOL' ออกระเบียบ 'การส่งข้อมูลล่วงละเมิดทางเพศเด็ก'
"บิ๊กโจ๊ก" รอง ผบ.ตร. ขานรับ "INTERPOL" หรือ ตำรวจสากล ออกระเบียบ ระวังการส่งต่อข้อมูลล่วงละเมิดทางเพศเด็ก หลังพบสถิติเด็กถูกล่วงละเมิดซ้ำทางโซเชียลแม้ว่าเหยื่อจะเป็นผู้ใหญ่ แต่ภาพความทรงจำยังคงอยู่ในระบบ
2 ธ.ค. 2566 การประชุมสมัชชาใหญ่ตำรวจสากล (INTERPOL) ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. 2566 ได้ปิดฉากลงแล้ว โดยประเทศสมาชิกกว่า 195 ประเทศ และประเทศที่เพิ่งเข้าร่วมใหม่ล่าสุดอีกหนึ่งประเทศ ร่วมประชุมเพื่อฟังรายงานการดำเนินงานของตำรวจสากล (INTERPOL) ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในประเด็นการใช้งบประมาณที่ได้จากการสนับสนุนของกลุ่มประเทศ ปีละกว่า 8000 ล้านบาท ในการจัดการปัญหาอาชญากรข้ามชาติ
นอกจากการรับฟังผลการดำเนินการมาตลอดทั้งปีแล้วที่ประชุมยังได้เสนอแผนงานที่จะทำร่วมกันในปีต่อไปในแต่ละด้าน โดยเฉพาะการจัดทำข้อมูลอาชญากรข้ามชาติ ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ ตามสังคมยุคใหม่ ทำให้การก่ออาชญากรรมทำได้อย่างรวดเร็วและมีการส่งต่อข้อมูลดิจิทัล ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง ขณะที่ผู้ก่อเหตุก็ มีช่องทางในการหลบหนีออกนอกประเทศหลังการกระทำผิด หรือไปกบดานตามประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อติดต่อกลุ่มเครือข่าย
ล่าสุด มีการนำเสนอคลิปวิดีโอสั้นที่เผยแพร่อยู่ในประเทศเยอรมนีและปิดบังการเข้าถึงของประเทศไทยภายในคลิปแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการค้ามนุษย์ของกลุ่มคนร้าย ซึ่งแม้ว่ากรณีนี้จะมีการจับกุมตัวคนร้ายได้ แต่หนึ่งในบางท่อนของคลิปวิดีโอระบุชัดว่า คนร้ายยอมจ่ายเงินใต้โต๊ะให้แก่ข้าราชการเพื่อเปิดช่องทางในการหลบหนีออกจากประเทศไทย ไปยังประเทศปลายทางซึ่งเป็นแหล่งกบดาน
นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้ เสนอที่จะออกระเบียบควบคุมการส่งต่อข้อมูลการล่วงละเมิดทางเพศของเด็กผ่านช่องทางต่างๆโดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย เพื่อให้มีความรัดกุมป้องกันข้อมูลหลุดรอดออกจากระบบไปถึงผู้ใช้รายอื่น รวมถึงการใช้ข้อมูลระหว่างประเทศเพื่อติดตามคนร้าย ป้องกันการกระทำซ้ำในรูปแบบของเครือข่าย
ซึ่งเรื่องนี้ พล.ต.อ.เอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ได้กล่าวในเวทีการประชุม ว่า เห็นด้วยกับแนวทางการจัดการปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศกับกลุ่มเยาวชน ซึ่งพบว่าที่ผ่านมามีความรุนแรงขึ้นหลายเท่า โดยเฉพาะเด็กในกลุ่มเอเชีย จะตกอยู่ในเป้าหมายของกลุ่มคนร้าย ทั้งการล่วงละเมิดทางเพศ การถ่ายทำคลิปวิดีโออนาจาร และการล่อหลวงไปขายประเวณี
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังย้ำด้วยว่า คลิปวิดีโอการกระทำผิดถูกส่งต่อไปอย่างรวดเร็วทางโซเชียลมีเดีย จนยากจะลบออกจากระบบ ทำให้เหยื่อถูกกระทำอนาจารซ้ำซาก ภาพการถูกกระทำก็ยังฝังอยู่ในระบบ และมีข้อมูลไม่น้อยถูกส่งต่อโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่ระมัดระวังในการใช้ข้อมูล ทำให้ข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐตกไปอยู่ในมือของกลุ่มของคนร้าย
จึงเห็นด้วย ที่จะออกระเบียบให้ทุกประเทศ เข้ามาร่วมกันจัดการปัญหาการส่งต่อข้อมูลเหยื่อถูกกระทำอนาจารอย่างระมัดระวัง และเปิดให้เข้าถึงข้อมูลในรูปแบบใหม่ๆ ที่ไม่ใช่การส่งต่อคลิปวิดีโออนาจารต้นฉบับเข้าไปในระบบ
สำหรับสถิติการแก้ปัญหาในไทย ดีขึ้นตามลำดับ โดยพบว่า ในปี 2021 มีสถิติการจับกุมจากข้อมูล 79 เคส มีการขยายผลไปสู่ข้อมูลเชื่อมโยงที่เกี่ยวข้อง 589 ข้อมูล กระทั่ง รอง ผบ.ตร. ได้เข้ามาดำเนินการแก้ปัญหา ก็พบว่าในปี 2022 มีการจับกุมเพิ่มขึ้นจากข้อมูล 482 เคส มีการขยายผลไปสู่ข้อมูลเชื่อมโยงที่เกี่ยวข้อง 9,569 ข้อมูล
ขณะที่ในปี 2023 จนถึงปัจจุบันมีการจับกุมจากข้อมูล 461 เคส มีการขยายผลไปสู่ข้อมูลเชื่อมโยงที่เกี่ยวข้อง 8,328 ข้อมูล ทำให้คลิปที่ปรากฏอยู่ในระบบเกือบ 600,000 คลิป ลดลงมา เหลือเพียง 332,639 คลิป ในปีปัจจุบัน