ข่าว

อสส. ชี้ขาด ฟ้องชุด ตำรวจ อุ้มรีดเงิน 'นายจรวด' ส่งตัว 22 ธ.ค. 66

อสส. ชี้ขาด ฟ้องชุด ตำรวจ อุ้มรีดเงิน 'นายจรวด' ส่งตัว 22 ธ.ค. 66

29 พ.ย. 2566

อสส. ชี้ขาด ฟ้อง 8 จำเลย ชุด ตำรวจ อุ้มรีดเงิน 'นายจรวด' โดนข้อหาหนัก ผิด 157 อุ้มกรรโชกทรัพย์ นัดส่งตัวฟ้อง 22 ธ.ค. 2566

จากคดี “เสี่ยแป้ง นาโหนด” พร้อมพวกกว่า 20 คน บุกเข้าชิงตัว “นายจรวด” หรือ นายสิทธิเดช ทรงเดชะ ที่ถูกจับกุมในคดียาเสพติด โดยมีตำรวจเข้าไปมีส่วนพัวพัน อุ้มรีดเงิน ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 22 ธ.ค. 2566 พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปราบการทุจริตภาค 9 นัดส่งฟ้อง พ.ต.ต.ฤทธิไกร เหมทานนท์ อดีตสารวัตร กองกำกับการ สส.บก.ภ.8 (ตำเเหน่งขณะเกิดเหตุ), ร.ต.อ.อภิชาติ สกุลกิจ, ร.ต.อ.วิทยา อำนวย, ด.ต.ฐนนท์ธร กิจถาวร, ด.ต.นิรัตน์ เพชรรัตน์, ส.ต.ต.อาณัติ แดงหนำ, ร.ต.อ.สุรินทร์ ไกรสิทธิ์, นายอำพร นวลศรี (สายลับ )

เป็นจำเลยในความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้ หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีหรือใช้อาวุธปืน หรือโดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังบุคคลใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ โดยแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นตำรวจ หรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป, ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ โดยขู่ว่าจะฆ่า, ขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายให้ผู้ถูกข่มขืนใจได้รับอันตรายสาหัส และโดยมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ ร่วมกันมีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเกท 5 (พืชกระท่อม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

                  นายจรวด วันถูกจับ

เห็นควรสั่งฟ้อง ร.ต.อ.อภิชาติ สกุลกิจ ผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ต.ฤทธิไกร เหมทานนท์, ร.ต.อ.วิทยา อำนวยผู้ต้องหาที่ 1 เเละ3  รวมถึง ด.ต.ฐนนท์ธร กิจถาวร, ด.ต.นิรัตน์ เพชรรัตน์, ส.ต.ต.อาณัติ แดงหนำ, ร.ต.อ.สุรินทร์ ไกรสิทธิ์, นายอำพร นวลศรี ผู้ต้องหาที่ 4-8 ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม โดยมี และใช้อาวุธปืนและร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (พืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย

 

 

ทั้งนี้ จากกรณีจำเลย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกับพวก ซึ่งเป็นพลเรือน 1 คน รวมทั้งหมด 8 คน ใช้รถยนต์กระบะ 1 คัน และรถยนต์เก๋งอีก 1 คัน ขับมาจอดหน้าบ้านเลขที่ 94 หมู่ 2 ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง ก่อนที่จะเดินอย่างใจเย็น ลงไปจับตัว นายสิทธิเดช ทรงเดชร หรือ นายจรวด ลูกชายเจ้าของบ้าน ขึ้นรถพาตัวหายไป และหลังจากนั้นไม่นาน นายสิทธิเดช ก็ได้ติดต่อทางโทรศัพท์กลับมาหาญาติที่บ้าน โดยบอกว่าให้นำเงินสด จำนวน 1.5 ล้านบาท ไปให้แก่กลุ่มชายฉกรรจ์ ที่มาหาที่บ้านก่อนหน้านี้ ซึ่งได้อ้างตัวภายหลังว่า เป็นตำรวจสังกัดชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 โดยจำนวนเงินดังกล่าว ต้องแลกกับความปลอดภัย และการปล่อยตัว

 

 

ซึ่งต่อมาผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 มีความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ และต่อมาอัยการสูงสุดชี้ขาด ไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1,3 เเละที่ 4-8 ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม โดยมีและใช้อาวุธปืน และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (พืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ตามความเห็นพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 และสั่งยุติการดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้ง8 ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเกท 5 (พืชกระท่อม) โดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะมีกฎหมายออกใช้ภายหลังการกระทำผิดยกเลิกความผิดเช่นนั้น

 

 

ส่วนข้อหาอื่น ชี้ขาดฟ้องตามความเห็นของอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างเรียกตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 มา เพื่อฟ้องศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ในวันที่ 22 ธ.ค. 2566

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสำนวนคดีดังกล่าว เป็นเหตุการณ์เดียวกันกับที่ศาลพิพากษาจำคุก 20 ปี 6 เดือน “เสี่ยแป้ง นาโหนด” ในคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้อง เสี่ยแป้ง ในความผิดฐาน ร่วมกัน ปล้นทรัพย์ฯ, ข่มขืนใจผู้อื่นฯ, มีอาวุธฯ, พาอาวุธไปที่สาธารณะฯ ในคดีชิงตัวนายจรวด ผู้ต้องหา อัยการได้มีการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 2-6 (อัยการบอยเป็นผู้ต้องหาที่ 2) สั่งฟ้องเพียงนายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้ง เเละนายจรวด