ข่าว

'สตม.' ยัน 'ขอทานจีน' ไม่มีการบังคับ-ทรมาน พบชักชวนมาหารายได้ในไทย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"สตม." ยันไม่มีบังคับ-ทรมาน “ขอทานจีน” ในไทย หลังจับได้ 6 ราย พบเป็นชักชวนกันมา ส่วนแผลที่พบเกิดจากอุบัติเหต ไฟไหม้ตั้งแต่เด็ก พร้อมเร่งประสานทางการจีนตรวจสอบเส้นทางการเงิน ขณะชุดระดมกวาดล้างขอทานตามแหล่งท่องเที่ยว เตรียมเอ็กซ์เรย์ทั่วประเทศจนถึงปีใหม่

27 พ.ย. 2566 พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.)  พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 และ พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมบุคคลต่างชาติ ที่เข้ามาขอทานในประเทศไทย และจับกุมเจ้าของบริษัทปลอมเอกสารยื่นขอวีซ่ากับสถานทูต โดยการจับกุมบุคคลต่างชาติที่เข้ามาขอทานในประเทศไทย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นขอทานชาวจีน ที่ปรากฏในสื่อสังคมต่างๆไปก่อนหน้านี้ ซึ่งสามารถจับกุมขอทานชาวจีนได้ 6 ราย ดังนี้  

 

รายที่ 1  เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2566 สน.ปทุมวัน จับกุมนางเคง (นามสมมติ) อายุ 41 ปี ได้บริเวณสกายวอร์ค BTS หน้าห้างสรรพสินค้าสยามสแควร์ โดยมี น.ส.นามี (นามสมมติ) สัญชาติไทย เป็นล่ามแปลภาษา ในชั้นจับกุมหลังจับกุมได้ถูกผลักดันส่งกลับประเทศแล้วเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา 

 

สตม. แถลงจับกุมขอทานจีนยันไม่มีการบังคับทรมานให้นั่งขอทาน

 

 

รายที่ 2  วันที่ 18 พ.ย. 2566 สน. พญาไท จับกุมนางวู (นามสมมติ) อายุ 34 ปี  ได้บริเวณสะพานลอยตรงข้ามห้างแพลตตินัม ถ.เพชรบุรี  โดยนางวูให้การว่า เคยเดินทางมาเที่ยวในไทย พบเห็นมีคนขอทานตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าสามารถทำเงินได้ดี  ต่อมาจึงได้กลับมาอีกครั้ง เพื่อมาเป็นขอทาน ซึ่งบางวันสามารถได้เงินจากการเป็นขอทานมากกว่า 10,000 บาท โดยเมื่อได้รับเงินแล้ว จะนำไปแลกเป็นเงินสกุลหยวน เพื่อโอนเข้าบัญชีวีแชทของตนเอง และในวันที่ถูกจับกุมนางวู ก็ได้โทรหา น.ส.นามี ให้นำหนังสือเดินทาง และเสื้อผ้ามาให้ ที่ สน.พญาไท

 

รายที่ 3 วันที่ 19 พ.ย. 2566 นางหยวน (นามสมมติ) อายุ 39 ปี ถูกตำรวจ สน.บางพลัด จับกุมได้บริเวณ หน้าห้างเมเจอร์ปิ่นเกล้า นางหยวนให้การว่า เดินทางเข้ามาในไทย พร้อมกับนายอวู (นามสมมติ) สัญชาติจีน แฟนของตน ซึ่งทั้งคู่ประกอบอาชีพขอทานตั้งแต่ที่อยู่ในจีน และเคยไปประกอบอาชีพขอทานที่มาเลเซียมาก่อนหน้านี้  เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ได้มาเป็นขอทานในไทย ซึ่งมีรายได้ดี จึงทำเป็นอาชีพเรื่อยมา กระทั่งนางหยวนถูกจับกุม นายอวู เห็นข่าวจึงได้พยายามหลบหนี แต่นายอวูก็ได้ติดต่อ น.ส.สุรภา (นามสมมติ) สัญชาติไทย ให้เป็นผู้นำหนังสือเดินทางของนางหยวนไปให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้น ตม.ได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายอวู และติดตามควบคุมตัวนายอวู ได้ที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ขณะกำลังจะเดินทางไปประเทศกัมพูชา นำส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

 

สตม. แถลงจับกุมขอทานจีนยันไม่มีการบังคับทรมานให้นั่งขอทาน

 

 

รายที่ 4 วันที่ 20 พ.ย. 2566 สน.ทุ่งมหาเมฆ จับกุม นางหู (นามสมมติ) อายุ 28 ปี  ได้ที่บริเวณ BTS ศาลาแดง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ จากการสอบถามนางหู ให้การว่า ได้เข้ามาในไทย เพื่อมาขอทาน เนื่องจากทราบจากเพื่อนมาว่า เป็นอาชีพที่มีรายได้มาก

 

 

สตม. แถลงจับกุมขอทานจีนยันไม่มีการบังคับทรมานให้นั่งขอทาน

 

 

รายที่ 5 วันที่ 20 พ.ย. 2566  นายฟาร (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ถูกตำรวจ สน.ลุมพินี จับกุมได้บริเวณ BTS อโศก  จากการสอบถามนายฟาร ให้การว่าเดินทางมาท่องเที่ยวในไทย และได้ทำหนังสือเดินทางหาย จึงได้ยื่นขอทำหนังสือเดินทางใหม่ที่สถานทูตจีน ประจำประเทศไทย โดยในขณะที่รอหนังสือเดินทางเล่มใหม่ พบว่าไม่มีเงินพอใช้จ่าย จึงไปเป็นขอทานอยู่แถวย่านลุมพินี

 

และรายที่ 6  วันที่ 20 พ.ย. 2566 สน.บางรัก จับกุมนายหวัง (นามสมมติ) อายุ 33 ปี ได้บริเวณ ถนนสีลม ซอย 4  โดยนายหวัง ให้การว่า ได้เดินทางเข้ามาประเทศไทย เพื่อมาท่องเที่ยว พักอาศัยที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ แต่เงินที่เตรียมมาสำหรับท่องเที่ยวหมด จึงได้มาเป็นขอทานแถวถนนสีลม

 

จากการตรวจสอบ ข้อเท็จจริง พบว่าขอทานจีน ทั้ง 6 ราย มีบางรายรู้จักกัน  เมื่อเห็นว่าเพื่อนมาประกอบอาชีพขอทานที่ไทยแล้ว ทำเงินได้ดี จึงชักชวนกันมา โดยกลุ่มขอทานจีนเหล่านี้ไม่ได้เข้ามาแค่ในไทย แต่เคยไปขอทานในประเทศอื่นด้วย เช่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย 

 

ส่วนบาดแผลที่เกิดขึ้นตามร่างกายของกลุ่มขอทานดังกล่าวนั้น ส่วนใหญ่จะเกิดจากอุบัติเหตเพลิงไหม้ตั้งแต่ยังเด็ก ไม่มีรายใดให้การว่าถูกทรมาน หรือถูกบุคคลอื่นทำร้ายแต่อย่างใด กลุ่มขอทานเหล่านี้ได้ใช้ความน่าสงสารของตน เพื่อดึงดูดให้ประชาชนทั่วไปเห็นใจ และบริจาคเงินให้ ซึ่งบางวันได้รับรายได้มากกว่า 10,000 บาท โดยการมานั่งขอทานไม่มี การถูกบังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด 

 

 

สตม. แถลงจับกุมขอทานจีนยันไม่มีการบังคับทรมานให้นั่งขอทาน

 

 

ประกอบกับการเดินทางมาขอทานตามจุดต่างๆ ทุกคนล้วนเดินทางมาเองโดยรถโดยสารสาธารณะ และการพักอาศัยอยู่ในไทยโดยเช่าห้องพักด้วยตนเอง และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของขอทานทั้งหมด ปรากฏว่าเงินที่ได้จากการขอทานทุกคนได้เก็บเงินเข้าบัญชีวีแชทเพลย์ของตนเอง ไม่ได้ส่ง หรือแบ่งให้กับผู้อื่น 

 

ส่วนกรณีหญิงไทยที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มขอทานจีนดังกล่าวนั้น ข้อเท็จจริงทราบว่า มาทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาให้กับกลุ่มขอทานจีน เนื่องจากบางคนเคยใช้ให้เป็นล่ามให้กันมาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังพบว่า มีขอทานจีน 1 ราย ได้เดินทางกลับประเทศไปก่อนหน้านี้ และขอทานชายชาวจีน1 ราย ซึ่งพบเบาะแสว่า มาขอทานย่านตลาดลาดกระบัง อยู่ระหว่างการติดตามตัว

 

 

สตม. แถลงจับกุมขอทานจีนยันไม่มีการบังคับทรมานให้นั่งขอทาน

 

 

พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2  เปิดเผยถึง กรณีที่หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าชาวจีน ที่มีรูปลักษณ์เป็นคนพิการอาจจะถูกทรมาน หรือบีบบังคับ หรือไม่นั้น จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางกลุ่มคนเหล่านี้เดินทางเขามาด้วยใบหน้าตรงตามหนังสือเดินทาง บางคนอาจจะมีการสวมวิกผม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้มองว่าเป็นการอำพรางใบหน้า แต่บางคนอาจจะใส่เพื่อปกปิดบาดแผล หรือสร้างภาพลักษณ์ตนเองให้ดีขึ้น นั้นหมายความว่าบาดแผลที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดในไทย 

 

ส่วนเงินที่ได้จากการขอทานนั้นจะถูกส่งต่อไปให้กลุ่มนายทุนหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่พบกลุ่มนายทุน แต่ทาง ตม.ได้ประสานไปยังทางการจีน เพื่อให้ทางการจีนเป็นผู้สืบสวนต่อทั้งในเรื่องบาดแผล และเส้นทางการเงิน

 

ส่วนขอทานในกลุ่มที่ 2 โดย บก.สส.สตม. ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการย่านซอยนานา เขตสุขุมวิท กรุงเทพฯ ว่า มีแก๊งขอทานลักษณะคล้ายคนตะวันออกกลาง ความเดือดร้อนรำคาญให้กับร้านค้า และนักท่องเที่ยวย่านซอยนานา เขตสุขุมวิท กรุงเทพฯ จึงได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง 

 

จากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มคนต่างด้าวดังกล่าว เป็นกลุ่มคนสัญชาติจอร์แดน พักอาศัยอยู่โรงแรมย่านซอยนานา สุขุมวิท กรุงเทพฯ โดยจะนัดรวมตัวกันบริเวณหน้าห้างนานาสแควร์ จากนั้นจะแยกย้ายกันขอทานในลักษณะรบเร้า เดินตามนักท่องเที่ยวที่กำลังซื้อสินค้าในร้าน และเมื่อนักท่องเที่ยวให้เงินแล้วยังเดินตามมาขอเงินซ้ำอีก โดยจะมาเป็นกลุ่มย่อยๆ กลุ่มละ 2-3 ราย และจะอุ้มเด็กเล็ก จูงมือเด็กโต เพื่อให้นักท่องเที่ยวรู้สึกสงสาร บางครั้งจะยืนรอนักท่องเที่ยวที่ตู้กดเงินสด เมื่อนักท่องเที่ยวมากดเงินจะเข้าไปหาเพื่อขอเงิน ซึ่งนักท่องเที่ยวบางรายต้องให้เงินจำนวน 500-1,000 บาท กลุ่มคนดังกล่าว จึงจะยอมเลิกขอเงิน 

 

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ได้เข้าตรวจสอบโรงแรมย่านซอยนานา ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของกลุ่มขอทานดังกล่าว พบคนต่างด้าวสัญชาติจอร์แดนเป็นผู้ใหญ่ 7 ราย เป็นชาย 3 ราย, หญิง 4 ราย และผู้ติดตาม 16 ราย จากการตรวจสอบพบว่าเป็นกลุ่มที่ตระเวนขอทานบริเวณซอยนานา และเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ผู้ประกอบการถ่ายภาพ และคลิปวีดีโอไว้ 

 

จึงได้ตรวจสอบหนังสือเดินทางของกลุ่มดังกล่าวพบว่า ทั้งหมดเดินทางเข้าประเทศไทยด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว และจากการตรวจสอบ พบว่ามีคนต่างด้าว 1 ราย การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลงแล้ว จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน สตม. ดำเนินการตามกฎหมาย 

 

ส่วนรายอื่นตรวจสอบพบว่า การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด ผบก.สส.สตม.จึงได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวดังกล่าว เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขหรือความปลอดภัยของประชาชน เชื่อว่าเข้ามาเพื่อประกอบกิจการที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และขึ้นบัญชีเป็นคนต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร นำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการกักตัวรอส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร

 

ทั้งนี้เชื่อว่าขอทานชาวจีน และตะวันออกกลางไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ถ้าดูจากพฤติการณ์การก่อเหตุที่ต่างกัน

 

 

 

สตม. แถลงจับกุมขอทานจีนยันไม่มีการบังคับทรมานให้นั่งขอทาน

 

 

ทั้งนี้ จากการระดมกวาดล้าง จับกุมคนต่างด้าว ในข้อหา กระทำการเป็นขอทานตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ เช่น เมืองพัทยา จ.เชียงใหม่ และจ.ภูเก็ต ทำให้สามารถจับกุมต่างด้าวขอทานได้อีก จำนวน 33 ราย โดยแบ่งออกเป็น สัญชาติกัมพูชา 27 ราย, สัญชาติเมียนมา 2 ราย, สัญชาติรัสเซีย 2 ราย, และสัญชาติจีน 2 ราย 

 

ซึ่งภายหลังจากการจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาขอทานในประเทศไทยทั้งหมด จะถูกขึ้นบัญชีบุคคลต้องห้าม (Blacklist) ไว้ ก่อนพลักดันกลับประเทศต้นทาง

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ