'ช่างกลปทุมวัน' ยืนยันไม่เกี่ยว 'เสรีชนคนปทุมวัน' ชี้ 8 ผตห. พ้นสภาพ นศ. แล้ว
ผู้บริหาร 'สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน' ยืนยันไม่เกี่ยวแก๊ง 'เสรีชนคนปทุมวัน' เตรียมแจ้งความทำให้เสื่อมเสีย เผย 8 ผตห. พ้นสภาพแล้ว ลงทะเบียนเป็น นศ. แต่ไม่มาเรียน
คณะผู้บริหารสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันแถลงข่าวกรณีนักศึกษายิงเด็กอุเทนถวายหรือน้องหยอดและครูเจี๊ยบเสียชีวิต โดยพบเป็นองค์กรอาชญากรรมขนาดเล็กที่นำโลโก้สถาบันและชื่อสถาบันไปแอบอ้าง
นายเสถียร ธัญญศรีรัตน์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน แสดงความรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวน้องหยอดและครูเจี๊ยบ ซึ่งรู้สึกไม่สบายใจที่มีกลุ่มคนนำชื่อสถาบันไปกระทำการในลักษณะดังกล่าว ทำให้สถาบันซึ่งเป็นสถานศึกษาเก่าแก่อายุกว่า 91 ปีเสียชื่อเสียง
สถาบันไม่มีแนวนโยบายไม่เคยส่งเสริมให้ศิษย์กระทำการในลักษณะดังกล่าว มีแต่ส่งเสริมนักศึกษาเรียนหนังสือและส่งเสริมให้สามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตนไม่เคยส่งเสริมให้นักศึกษารวมกลุ่มกันตั้งองค์กร อย่างที่เป็นกระแสข่าวอยู่ในตอนนี้ ยืนยันไม่มีบุคลากรของสถาบันไปให้การช่วยเหลือหรือส่งเสริมหรือให้เงินสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน เพราะบุคลากรของสถาบัน หากจะไปให้การช่วยเหลือในทางกฎหมายหรือกระทำการใดจะต้องขออนุญาตจากอธิการบดีเท่านั้น หากใครฝ่าฝืนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องได้รับบทลงโทษตามกฎระเบียบของสถาบัน
ด้านนายวีนัส ทัดเทียม รองอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ยืนยันว่า กลุ่มผู้ต้องหาในคดีน้องหยอดและครูเจี๊ยบทั้ง 8 คนที่จับกุมก่อนหน้านี้ เป็นบุคคลที่พ้นสภาพการเป็นนักศึกษาไปแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา อีก 1 คน อยู่ระหว่างรอรายชื่อจากตำรวจ โดยก่อนหน้านี้ได้ประกาศ 140 รายชื่อ พ้นสภาพการเป็นนักศึกษาแล้ว เพราะส่วนใหญ่ลงทะเบียนเป็นนักศึกษา แต่ไม่ได้มาเรียน ใช้ชื่อสถาบันไปใช้ในทางเสียหาย ขอปฏิเสธทุกการกระทำ
ส่วนรายชื่ออีก 84 คนที่อยู่ภายในกลุ่มแก๊ง "เสรีชนคนปทุมวัน" ที่มีนำรูปอดีตนักศึกษาปทุมวันที่เสียชีวิตมาปลุกเร้านั้น ผู้บริหารของสถาบัน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายชื่อมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า ยังคงมีสภาพเป็นนักศึกษาหรือไม่ หากได้รายชื่อดังกล่าวมาแล้วก็จะทำการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบมีความผิดเกี่ยวข้องกับ องค์กรดังกล่าวก็ต้องถูกลงโทษตามกฎระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ
ส่วนการรับน้องโหดและรับน้องช่วงกลางคืนนั้น ผู้บริหารของสถาบัน ระบุว่า ที่ผ่านมาเป็นเวลานานหลายปีแล้วทางสถาบันไม่อนุญาตให้มีการรับน้อง ซึ่งหากฝ่าฝืนก็ต้องได้รับบทลงโทษตามขั้นตอนคือ พักการเรียน 1 ภาคการศึกษา และไม่อนุญาตให้นักศึกษาเข้ามาทำกิจกรรมภายในสถาบันหลังสามทุ่ม ส่วนกรณีที่มีภาพการทำกิจกรรมรับน้องตอนกลางคืนบนดาดฟ้าของสถาบันนั้น ไม่ปรากฎ หากแอบไปกระทำกันที่อื่นเป็นเรื่องของนอกสถาบันซึ่งวิทยาลัยไม่มีทางก้าวก่ายได้
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพบมีการปั๊มสัญลักษณ์ฟันเฟืองบนร่างกายของ 4 ผู้ต้องหาจะเกี่ยวข้องกับสถาบันหรือไม่ ผู้บริหารของสถาบัน ยืนยันว่า สัญลักษณ์ของสถาบันเป็นดอกบัวไม่ใช่ฟันเฟือง แต่ฟันเฟืองคือสัญลักษณ์ของวิศวะ พร้อมยืนยันไม่เคยเห็นองค์กรเช่นนี้มาก่อน
โดยมาตรการป้องกันในการก่อเหตุ หลักเลิกเรียน จะมีอาจารย์ไปส่งนักศึกษาด้านหน้าสถาบัน แจ้งผู้ปกครองผ่านกลุ่ม LINEพร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในท้องที่รับช่วงต่อและหน่วยงานเกี่ยวข้อง เช่น รถไฟฟ้าบีทีเอส ห้างสรรพสินค้าใกล้เคียง ชุมชนใกล้เคียง
ผู้บริหารของสถาบัน กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้จะให้ฝ่ายนิติกรของสถาบันเข้าไปดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับทุกคนที่แอบอ้างชื่อของสถาบันทำให้ได้รับความเสื่อมเสีย ทั้งนี้พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มบุคคลที่ก่อเหตุและแอบอ้างชื่อ เชื่อหากตำรวจใช้มาตรการเด็ดขาดกำหนดบทลงโทษที่ชัดเจนคดีในลักษณะนี้จะลดลงและหมดไปในที่สุด แต่หากทำคดีแบบไฟไหม้ฟาง นี่ก็ไม่ใช่เคสสุดท้าย
นอกจากนี้ผู้บริหารของสถาบันยังตัดพ้อต่อสื่อมวลชนว่าข่าวในแง่ดีของสถาบันเช่นนักศึกษาวิศวกรรมชนะแข่งวิศวกรรมหรือผลิตหุ่นยนต์ได้รางวัลชนะเลิศกลับไม่เป็นข่าวแต่เมื่อมีเรื่องเพียงเล็กน้อย กลับโด่งดังไปทั้งประเทศ