ข่าว

'รองแต้ม' เชื่อ 'เสี่ยแป้ง' หนีไม่รอดเสี่ยงวิสามัญสูง

'รองแต้ม' เชื่อ 'เสี่ยแป้ง' หนีไม่รอดเสี่ยงวิสามัญสูง

13 พ.ย. 2566

'รองแต้ม' เผย 'เสี่ยแป้ง' ผู้ต้องหาคดีอาชญากรรมหนีกบดานประเทศเพื่อนบ้านยาก เชื่อตำรวจจับได้ แต่เสี่ยงวิสามัญสูง มีอาวุธติดตัว

พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือ "รองแต้ม" อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงอิทธิพลของนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ "เสี่ยแป้ง" ทั้งการครอบครองอาวุธและยาเสพติดว่า ตัวตนของเสี่ยแป้งเป็นผู้มีอิทธิพล ซึ่งคนจะเป็นผู้ที่มีอิทธิพลนั้น คนที่ให้การช่วยเหลือสนับสนุนดีที่สุดคือ "เจ้าหน้าที่รัฐ" คนมีสี คนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม คนที่เป็นนักการเมือง ดังนั้นเมื่อเขาสนิทหรือรู้จักคนเหล่านี้ ประกอบกับเสี่ยแป้งเป็นคนใจถึง ใช้เงินเป็น นักเลง ก็ต้องสะสมอาวุธ เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่ตรวจสอบก็ทำให้เขามีอาวุธจำนวนมากมาย ยิ่งหากไม่มีเรื่อง อาจจะมีอาวุธมากกว่านี้ก็ได้ 

ซึ่งมีอิทธิพลถึงขั้นมีคนสั่งให้ยกเลิกด่านตรวจได้ เพื่อให้ของผิดกฎหมายของเสี่ยแป้งผ่านได้ เรื่องปืนแค่นี้ จึงเป็นเรื่องง่ายมาก ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้จัดหาปืนหรือไม่ มองว่า เป็นสิ่งที่สามารถหาซื้อตลาดเถื่อนอะไรก็ได้ "แต่การไม่จับกุม ไม่ตรวจค้น ไม่เอาจริงเอาจัง คือ การสนับสนุน"

ส่วนการมีอาวุธสงครามในมือ เสี่ยแป้งจะสามารถแลกเปลี่ยนทำให้หลบหนีข้ามแดนหรือไม่ พล.ต.ต.วิชัย ระบุว่า ไม่ใช่ อาวุธไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนประเทศเพื่อนบ้าน และเชื่อว่ายังไม่หลบหนีออกนอกประเทศเพราะทำความผิดเกี่ยวกับราชทัณฑ์ ไม่ใช่นักการเมือง ถ้าเป็นกระทำผิดดังกล่าว เค้าจะให้การรับรองช่วยเหลือ แต่คดีอาชญากรรมจะไปอยู่แบบนั้นไม่ได้ รวมถึงเป็นคนหนีคุก เป็นคนในกระแสขณะนี้ ประเทศไหนพบกฌต้องส่งกลับ หรือแม้แต่คนไทยเอง ถ้าเสี่ยแป้งไปอยู่ที่ไหน คนก็รังเกียจ อย่ามาหา เดี๋ยวเดือดร้อน ดังนั้นต้องอยู่แต่ในป่าในเขา ถึงจะสามารถเอาตัวรอด

 

ขณะเดียวกันพบยาบ้าหลายร้อยเม็ด ก็มองได้ 2 มุม คือ เอาไว้เสพ หรือ มีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งเดิมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งเคยถูกจับเรื่องจำหน่ายยาเสพติด หรือกระทั่งชิงตัวผู้ต้องหายาเสพติดและยิงตำรวจ จึงเป็นเรื่องปกติ 

 

พล.ต.ต.วิชัย เชื่อว่า สุดท้ายแล้วตำรวจจะจับได้ เพราะจะหนีอย่างไร 20-30 ปี มีข่าวใหญ่ขนาดนี้ ออกนอกประเทศก็ไม่ได้ ไปหลบอยู่บ้านญาติพี่น้อง เจ้าหน้าที่ก็ต้องรู้ 

 

ส่วนจะจับเป็นหรือจับตาย ตามหลักการจริงๆแล้วตำรวจต้องจับเป็นตามหมายจับ แต่ในความจำเป็นนั้น หากผู้ต้องหาหรือคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ ตำรวจมีความจำเป็นเช่นกันที่จะต้องใช้อาวุธอื่นตอบโต้ เพราะกฎหมายบอกว่า ถ้าคนร้ายใช้อาวุธปืนจะยิงเราหรือจะยิงผู้อื่น สามารถจะจัดการได้ มองว่าการทำงานของตำรวจตอนนี้เป็นไปตามหลักการเบาไปหนัก เสี่ยแป้งอยู่บนเขา ก็ต้องใช้วิธีปิดล้อม ไม่ให้เขาหลบหนี หรือเรียกว่ากระชับพื้นที่ แล้วอาจจะเอาคนที่เค้านับถือไปกล่อม เป็นยุทธวิธีที่สากลใช้กัน

 

"นี่คือหลักการเมื่อถามว่าจะจัดเป็นหรือจับตาย ผมพูดเลยว่าเสี่ยแป้งตายอย่างเดียว เพราะ ทุกวันนี้เค้ามีปืนอยู่แล้ว จะรอให้คุณมายิงหรือ ถึงเวลาจะยกมือ หรือมอบตัว อาจจะรอด แต่ถ้าปิดล้อมยังไงมีอาวุธปืนเขาก็ต้องจัดการ เพราะจะรู้ได้อย่างไรจะยิงเมื่อไหร่ ยิงเม็ดเดียวผมก็ตาย ผมก็ต้องใช้การป้องกันตัวแต่เป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย " อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลกล่าว