ข่าว

"เสี่ยปราจีน" นอนขวางกลางถนนร้องคดีถูกยึดตลาด - โดนอุ้มเหมือนเคส "ผกก.โจ้"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ประชดสื่อ! เสี่ยหมู ปราจีนบุรี นอนกลางถนนร้องสื่อฯช่วยเหลือคดีถูกยึดตลาด เผยเบื้องหลังทั้งถูกรีดเงินและอุ้มข่มขู่เหมือน "ผกก.โจ้"

นอนกลางถนนประชดสื่อฯ นายวุฒิโรจน์ อริยเดชอนันต์ หรือ เสี่ยหมู นักธุรกิจพัฒนาที่ดิน ชาวจังหวัดปราจีนบุรี ลงนอนขวางรถที่สัญจรบนเส้นทาง เพื่อเรียกร้องความสนใจต่อสื่อมวลชน ที่มาติดตามการนำเสนอข่าวที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก) โดยนายวุฒิโรจน์ หรือเสี่ยหมู ได้นอนลงบนถนน ก่อนจะลุกขึ้นมา และยกมือไหว้ขอโทษ ประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน และหันหน้าเข้าร้องต่อสื่อมวลชน
 

ผู้ร้องยืนขวางรถกลางถนน

 

ส่วนสาเหตุที่ต้องลงไปนอนกลางถนน "เสี่ยหมู" ให้ข้อมูลว่าตัวเองเดือดร้อนอย่างหนัก และต้องทำเช่นนี้ เพราะที่ดินของตัวเองในจังหวัดปราจีนบุรีที่ทำเป็นตลาด ถูกนายทุนคนจีนร่วมกับตำรวจระดับสูงยึดไป เรื่องราวที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากตัวเองได้นำที่ดินดังกล่าวไปจำนองไว้เพื่อแลกกับการกู้ยืมเงินนายทุนจีนรายหนึ่ง ในวงเงิน 40 ล้านบาท พร้อมทำสัญญาในระยะเวลาหนึ่งปีครึ่ง ซึ่งตามสัญญาเมื่อครบกำหนดตนเองจะต้องคืนเงินจำนวน 55 ล้านบาท มีตัวกลางในการทำสัญญาเป็น อัยการคนหนึ่ง แลกกับการต้องให้เงินกับเมียอัยการ คนนี้จำนวนสองล้านบาท 

ต่อมาในระยะเวลาประมาณ 3 เดือนนายทุนจีนคนดังกล่าว ได้ยึดที่ของตนเองไป โดยในตอนนั้นได้เรียกตนเองไปเพื่ออ้างว่าจะทำสัญญาฉบับใหม่แลกกับเงิน 10 ล้านบาทเพิ่มเติม โดยนัดกันในพื้นที่พัทยาเมื่อตนเองเดินทางไป ก็ได้มีทนายความกับตำรวจนอกราชการเข้าไปดำเนินการยึดตลาดสดของตนเองเป็นที่เรียบร้อย 

หลังเกิดเรื่องตนเองได้เข้าไปติดต่อนายตำรวจยศพลโทรายหนึ่งเป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ที่ปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้วให้เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าว โดยพลตำรวจโทคนดังกล่าวรับว่าจะดำเนินการตรวจสอบคนจีนกลุ่มนี้ให้แลกกับเงินที่จะต้อง ให้เป็นค่าใช้จ่ายจำนวนหนึ่งล้านบาท ซึ่งตนเองยินยอมจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้ เพราะหวังต้องการให้ตรวจสอบคนจีนและดำเนินการเอาตลาดคืน 
 

ประชดนอนกลางถนน

 

ผู้เสียหายรายนี้ พบข้อมูลว่าคนจีนกลุ่มนี้ได้สวมบัตรประชาชนคนไทย และมีหน่วยงานในประเทศเกี่ยวข้องอีกหลายหน่วยงาน ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ขอให้หยุดตรวจสอบ เพื่อแลกกับการออกหมายจับชาวจีนที่เป็นคนถือโฉนดที่ดินและเป็นนายทุนเงินกู้ จากนั้นได้มีการออกหมายจับภรรยาของนายทุนจีนรายนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้จับกุมดำเนินคดี แต่ได้ต่อรองกับเสี่ยหมูว่า จะคืนที่ดินให้แต่ขอเงิน 50 ล้านเพื่อไถ่ที่ดินคืน  เมื่อตนเองไม่มีเงิน ทางพลตำวจโทรายนี้จึงจะให้ยืมเงินดังกล่าว เพื่อไปไถ่กับคนจีนรายดังกล่าวกลับมาก่อน แต่ต้องแลกกับการเปลี่ยนชื่อในสัญญา จากชื่อลูกสาวนายทุนชาวจีนให้เป็นชื่อของลูกเขยนายตำรวจยศพลตำรวจโท แถมยังเป็นลูกของนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลชื่อดังในประเทศอีกด้วย ทั้งนี้สัญญาดังกล่าวกำหนดไว้จำนวน 3 ปี มีการกำหนดดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 18 ต่อปี โดยหาตนเองไม่สามารถดำเนินการไถ่ถอนที่ดินในระยะเวลาสามปีได้ที่ดินตกเป็นของลูกเขยนายตำรวจคนดังกล่าวทันที 

หลังจากนั้นไม่นาน ผ่านไปเพียง 11 เดือน นายตำรวจยศพลตำรวจโทรายดังกล่าวได้มาพร้อมกับลูกน้องและพาตนเองเข้าไปในห้องทำงานของตำรวจในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีและมีพฤติกรรมคล้ายกับคดีของ "ผู้กำกับโจ้"  ซึ่งทั้งหมดได้มีการพูดจาข่มขู่ให้ตนเองยอมเซ็นยกตลาดให้กับนายตำรวจคนนี้ จึงทำให้ตนเองถูกกักขังนานหลายชั่วโมงก่อนที่จะยอมเซ็น เพราะเกรงจะไม่ปลอดภัย 

ที่ผ่านมาตนเองได้พยามร้องขอความเป็นธรรมกับทางกองปราบมาตลอดตั้งแต่ปี 2563 แต่มาจนถึงขนาดนี้คดียังคงไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งในช่วงปี 2563 ในตอนแรกตำรวจกองปราบไม่ยอมรับคดีของตนเอง แต่มีบุคคลที่อ้างว่าเป็นคนสนิทของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้นเข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจากับทางกองปราบให้โดยเรียกรับเงินจำนวน 65,000 บาท ให้กองปราบยอมรับคดีแต่มาถึงขนาดนี้คดียังคงไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ในวันนี้จึงเดินทางมาร้องขอให้ทางสื่อมวลชนช่วยนำเสนอข่าวเพื่อเป็นกระบอกเสียงกระตุ้นการทำงานของตำรวจ เพื่อติดตามคดีของตนเองทั้งเรื่องของการถูกยึดยึดตลาด และคนจีนที่สวมบัตรคนไทย 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ