ตำรวจ รวบนายหน้าเถื่อน หลอกเหยื่อทำงานต่างประเทศ

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง  โดยกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.)  เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.3 บก.ปคม. นำโดย พ.ต.ต.เชษฐ์ศุภากร พิริยะพงษ์พันธ์ สว.กก.3 บก.ปคม. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจับกุม นายเอนก อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่  3581/2566 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2566 ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน "หลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงิน หรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง และ ฉ้อโกงประชาชน" และหมายจับคดีลักษณะเดียวกันอีก 4 หมายจับ รวม 5 หมายจับ ผู้เสียหายกว่า 10 ราย

สถานที่จับกุม หน้าห้องพัก ใน ต.ช้างเผือก ต.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ โดยพฤติการณ์ของผู้ต้องหานั้น เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2565 ผู้ต้องหาได้ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดเป็นนายหน้ารับดำเนินการจัดทำวีซ่า และ ดำเนินการในการพาคนไปทำงานต่างประเทศ เช่นประเทศญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง ออสเตรเลีย และอื่นๆ มีการนำภาพถ่ายบุคคล และสถานที่จัดตั้งบริษัท มาประกอบเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และได้มีผู้หลงเชื่อติดต่อเข้ามาให้ผู้ต้องหาดำเนินการให้

เมื่อผู้ต้องหาได้รับเงินแล้ว ก็ได้มีการนัดหมายผู้เสียหายมาที่สนามบิน เมื่อผู้เสียหายมาที่สนามบินพร้อมเดินทางแล้ว ผู้ต้องหาไม่มาตามนัด เมื่อสอบถามก็อ้างทำทีว่าเอกสารยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ หรือขาดเอกสารอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นเหตุให้ต้องเลื่อนวันในการเดินทาง และเมื่อถึงกำหนดนัดอีก ผู้ต้องหาก็อ้างเลื่อนการเดินทางอีกอยู่หลายครั้ง จนผู้เสียหายทราบว่าถูกหลอกลวง

ต่อมาวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ผู้เสียหาย กับพวกได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์มอบคดีให้ดำเนินคดีกับนายเอนกฯ ต่อมาพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ รวบรวมพยานหลักฐาน และพนักงานสอบสวน ได้รับคำร้องทุกข์ไว้เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย ทำหนังสือถึงกรมการจัดหางาน ผลตรวจสอบประวัติของนายเอนกฯ ปรากฏว่าไม่ได้รับอนุญาตให้จัดหาคนไปทำงานในต่างประเทศแต่อย่างใด 
 

ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานมีคำร้องต่อศาลขอให้ศาลออกหมายจับนายเอนกฯ ผู้ต้องหา และศาลได้ออกหมายจับตามคำร้อง เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2566 ในความผิดฐาน หลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ฯ จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหารายดังกล่าว มีหมายจับอีก จำนวน 4 หมายจับ รวม 5 หมายจับ ความเสียหายมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบทราบมาว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีคดีมาพักอาศัยหอพักแห่งหนึ่ง ใน ต.ช้างเผือก ต.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ พบผู้ต้องหา อยู่ที่หอพักดังกล่าว จึงจับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปคม. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และรับว่าได้นำเงินจากผู้เสียหายไปใช้จ่ายส่วนตัว

ตำรวจสอบสวนกลาง จึงขอเตือนภัยสำหรับประชาชน โปรดใช้วิจารณญาณในการติดต่อ สมัครเข้าทำงาน หรือเดินทางไปต่างประเทศ ขอให้ติดต่อตัวแทนที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย การติดต่อนายหน้าผ่านช่องทางสื่อโซเชียลมีเดีย โดยนำภาพถ่ายบุคคลที่อ้างว่าเป็นลูกค้าที่เคยติดต่อมาและสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้จริง มาใช้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ขอให้ตรวจสอบตัวตน บุคคลก่อนตัดสินใจเพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง เนื่องจากเพียงภาพถ่าย ไม่อาจยืนยันตัวตนของบุคคลได้ และมีความเสี่ยงที่จะถูกมิจฉาชีพหลอกลวง และสูญเสียทรัพย์สินจากการดำเนินการดังกล่าวได้