'กัน จอมพลัง' นำพี่บุกทวงคดีน้องชาย ถูกเมียโหดทำร้ายเสียชีวิต

26 ต.ค. 2566  นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พานายยอด (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ติดตามความคืบหน้าคดีที่ นายโชคชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี น้องชายถูก น.ส.วงเดือน (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ภรรยาทำร้าย ด้วยการใช้อาวุธมีด ที่บริเวณใบหน้าจนเจ็บสาหัส  ก่อนนำตัวเข้าไปขังในห้องน้ำ  แล้วภรรยาก็แต่งตัวออกไปทำงานปกติ จนเพื่อนที่ทำงานเห็นผิดปกติจึงงัดห้องและนำร่างส่งโรงพยาบาล  อาการโคม่านอนพัก 3 วัน จนเสียชีวิตในเวลาต่อมา 

 

 

 

กัน จอมพลัง เปิดเผยว่า  นายยอด พี่ชายผู้เสียชีวิต เล่าว่าน้องชายรักภรรยามากจนถูกมองเป็นของตายเคยถูก ภรรยาทำร้ายจนซี่โครงหัก เอามีดสับแขนเย็บ 38 เข็ม และยังใช้สากกระเบือทุบหัว แต่ด้วยความรักจึงไม่เคยแจ้งความ แต่รอบนี้เสียน้องไปแล้วจึงมาขอให้ช่วย 

 

 

 

 

ด้านนายยอด  เปิดเผยว่า ครั้งล่าสุด ภรรยาของน้องชาย ได้ทำร้ายน้องชายแล้วลากร่างไปขังในห้องน้ำ ปล่อยนอนจมกองเลือด หลังก่อเหตุก็แต่งตัวออกไปทำงานตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งตอนเช้ารถบริษัท รปภ.ที่น้องชายทำงานอยู่ มารับยังที่พัก เพื่อนำไปส่งในสถานที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ แต่เพื่อนร่วมงานเห็นผิดสังเกตจึงงัดห้องพักเข้าไปดู ก็พบว่าน้องชายอยู่ในสภาพที่บาดเจ็บสาหัส ถึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งที่ผ่านมาน้องชายถูกฝ่ายหญิงกระทำทารุณกรรมมาโดยตลอด  เนื่องจากฝ่ายหญิงมีอารมณ์รุนแรง

 

 

 

นายยอด ยังเล่าอีกว่า น้องชายมีอาชีพเป็น รปภ. ฝ่ายหญิงก็จะยึดเงินเดือนทั้งหมด และให้เงินใช้เพียงเดือนละ 1,000 บาท ล่าสุด โดนบังคับให้ผู้เสียหายนำรถจักรยานยนต์ไปเข้าไฟแนนซ์เพื่อกู้เงิน 30,000 บาท เพิ่งผ่อนชำระได้งวดเดียวก็มาถูกทำร้ายเสียชีวิต โดยฝ่ายหญิงไม่ได้มาเยี่ยมแม้กระทั่งตอนเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล รวมถึงไม่ได้ไปร่วมงานศพเลยแม้แต่วันเดียว ซึ่งหลังจัดงานศพแล้วเสร็จ จึงมาร้องขอความช่วยเหลือเพื่อติดตามความคืบหน้าคดี

 

 

 

 

กัน จอมพลัง กล่าวเพิ่มเติมว่ากรณีนี้ที่ตนได้ช่วยเหลือ เพราะที่ผ่านมาเคยเจอแต่ผู้ชายทำร้ายผู้หญิง แต่พอทราบเรื่องราวความเป็นมาก็ต้องยอมรับว่ามีความสลดใจอย่างมาก ที่ฝ่ายชายกลับเป็นผู้ถูกฝ่ายหญิงกระทำทารุณ เพราะความรักจึงยอมทุกอย่าง

 

 

 

 

ด้าน พ.ต.อ.ชิศณุพงศ์ สุริยานนท์ ผกก.สน.พหลโยธิน เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้รับคดีไว้แล้ว อยู่ระหว่างสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากต่างฝ่ายต่างอ้างว่าถูกทำร้ายด้วยกันทั้งคู่ และรอผลการตรวจชันสูตรศพจากแพทย์นิติเวช ยืนยันไม่ได้ทำคดีล่าช้าแต่อย่างใด โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย หลังเกิดเหตุทางผู้ถูกกล่าวหาได้มามอบตัวกับพนักงานสอบสวนแล้ว เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย กับผู้ก่อเหตุแล้ว ก่อนปล่อยตัวไปโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์