'ผู้การสืบนครบาล' มั่นใจปั้นนักสืบรุ่นใหม่ ปราบอาชญากรรม รู้เท่าทันโจร

 

24 ต.ค. 2566 อาชญากรรมทุกวันนี้เกิดขึ้นหลากหลายรูปแบบ เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทภัยออนไลน์ จึงเกิดขึ้นมิจฉาชีพอาศัยเทคโนโลยี ในการหลอกลวงหลายคนต้องตกเป็นเหยื่อสูญเสียเงินทองจนหมดเนื้อหมดตัว

 

ตำรวจชุดสืบสวนจำเป็นต้องรู้เท่าทันโจร ในการแกะรอยจับกุมคนร้าย เนื่องจากมิจฉาชีพ มีกลโกง เปลี่ยนรูปแบบตลอดเวลา ตำรวจอาจจะก้าวช้าไปกว่าเล่เหลี่ยมของคนร้าย

 

 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ความสำคัญในการสร้างนักสืบรุ่นใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อให้เพียงพอ รู้ทันกลโกงของมิจฉาชีพ ในการสืบสวนจับคนร้าย

 

 

 

 

 

กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล นำโดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) เป็นอีกหนึ่งหน่วยที่มีผลงานโดดเด่นในการคลี่คลายคดี สืบสวนจับคดีสำคัญมากมาย

 

 

 

ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันนี้ นักสืบนครบาล เริ่มขาดแคลนจำเป็นต้องสร้างนักสืบรุ่นใหม่ๆขึ้นมาเพื่อช่วยงานสืบสวนนครบาล ในการเพิ่มศักยภาพการปฎิบัติหน้าที่ให้เข้มข้นมากขึ้น

 

 

 

 

 

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผย "คมชัดลึกออนไลน์" ว่า โรงเรียนนักสืบ หรือที่เรียกว่า "หลักสูตรสืบสวนคดีอาญา" ซึ่งปัจจุบันนี้สร้างนักสืบขึ้นมารุ่นที่  113  โดยในอดีตงานสืบสวนเป็นหัวใจสำคัญในการคลี่คลายคดีอาชญากรรม จับกุมคนร้ายเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน แต่ที่ผ่านมาเริ่มขาดแคลนนักสืบ ที่จะมาช่วยเหลือจับกุมคดีอาชญากรรมต่างๆที่เกิดขึ้นแทบทุกวัน

 

 

 

ดังนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ถือว่าท่านเป็นหนึ่งในนักสืบรุ่นแรกๆ ที่เข้าอบรม "หลักสูตรสืบสวนคดีอาญา" ท่านจึงให้ความสำคัญในการสร้างนักสืบรุ่นใหม่ให้เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

 

 

นอกจากนี้ยังมี พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รักษาราชการแทน รอง ผบ.ตร. เป็นอีกหนึ่งท่านที่กำกับดูแล หลักสูตรสืบสวนคดีอาญา ซึ่งท่านจะสร้างหลักสูตรให้คล้ายกับเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา ที่เรียกว่า "30 นักสืบ"  โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นผู้สร้างโรงเรียนนักสืบขึ้นมา

 

 

 

 

 

สำหรับการคัดเลือกนักสืบรุ่นใหม่ขึ้นมานั้น พล.ต.ต.ธีรเดช  เปิดเผยว่า การคัดเลือกนายตำรวจระดับรองสารวัตร ยศ "ร.ต.ท.-ร.ต.อ."  ผ่านการปฎิบัติหน้าที่มาแล้วอย่างน้อย 3 ปี โดยให้กองบัญชาการแต่ละหน่วย ทั่วประเทศ เป็นผู้คัดเลือกเข้ามาฝึกอบรม ซึ่งจะเน้นนายตำรวจที่มีความประพฤติดี มีความรู้ความสามารถ ส่วนการฝึกอบรมนั้นจะใช้เวลา 4 เดือน ฝึกภาคทฤษฎี 3 เดือนกว่า จากนั้นมาฝึกภาคสนามร่วมกับชุดสืบสวนนครบาล อีก 15 วัน 

 

 

 

ผบก.สส.บชน. กล่าวว่า ในอดีตนักสืบที่จะเข้าฝึกอบรมในแต่ละรุ่นจะมี 30 นาย ในแต่ละปีจะมีการจบหลักสูตรเพียง 2 รุ่นเท่านั้น แต่มาในยุคของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ท่านเพิ่มจำนวนนักเรียนักสืบเป็นรุ่นละ 50 นาย และเมื่อปีที่ผ่านมา มีการฝึกอบรมรุ่นนักสืบภายในปีเดียวถึง 4 รุ่น ระยะการฝึกอบรม 4 เดือน

 

 

 

จนถึงขณะนี้มีนักสืบที่เข้าฝึกอบรมมีทั้งหมด 113 รุ่น รวมนักสืบที่ผ่านการฝึกอบรมรวมแล้วกว่า 4 พันนาย เมื่อทุกนายผ่านการฝึกอบรมจะได้รับเข็ม พร้อมทั้งประกาศนียบัตร ก่อนจะส่งกลับหน่วยงานต้นสังกัดเพื่อปฎิบัติหน้าที่ตามผู้บังคับบัญชามอบหมาย 

 

 

 

แต่เมื่อสืบนครบาล ต้องการขอกำลังเสริม หรือ กำลังสนับสนุนในการสืบสวนคลี่คลายคดีสำคัญต่างๆ ก็สามารถเรียกตัวเข้ามาช่วยปฎิบัติการได้ทันที

 

 

 

 

พล.ต.ต.ธีรเดช ย้ำว่านักสืบทุกนายที่ผ่านการอบรมต้องบอกว่ายอดเยี่ยม มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับในการตามล่าอาชญากรรมรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะอาชญากรรมทางออนไลน์ ซึ่งท่านยอมรับว่าอาชญากรรมทุกวันนี้แตกต่างกับสมัยก่อน ที่มักจะเกิดเหตุหลอกลวงซึ่งหน้า แต่ปัจจุบันคนร้ายใช้โลกออนไลน์ในการหลอกลวง และมีฐานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน

 

 

 

ดังนั้น มีความจำเป็นในการสร้างนักสืบโซเชียลขึ้นมาในการสืบตามจับคนร้าย จะให้เดินสืบจับคนร้ายทางภาคสนามอย่างเดียวไม่ได้แล้ว เพราะคนร้ายอยู่ในโลกโซเชียลเป็นส่วนใหญ่

 

 

 

นักสืบที่ผ่านการอบรมปฎิบัติงานร่วมกับสืบนครบาล จนคลี่คลายจับกุมคดีสำคัญๆหลายคดี อย่างเช่น

 

นักสืบรุ่น 110 

 

คลี่คลายคดีจับกุม นายวีรยุทธ หรือ "เอส คอลาย" อายุ 29 ปี เดนทรชนในคราบ "พ่อเลี้ยง" เจ้าตัวไม่เพียงแต่ติดยาเสพติดอย่างงอมแงม แต่ยังมีความวิปริตจิตหมกมุ่นแต่ในเรื่องกามอารมณ์ ล่วงละเมิดลูกเลี้ยงอายุ 11 ปี  แถมยังให้ลูกเลี้ยงออกจากโรงเรียน แล้วพาเร่ขายยาเสพติด

 

 

 

ชุดสืบสวนนครบาล ร่วมกับ นักสืบรุ่น 110 เฝ้าติดตามแกะรอยอยู่นานสุดท้าย "เอส คอลาย" ดวงโจรดับ ถูกจับกุมตัวได้ที่ ตลาดวังหลัง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย จ.กรุงเทพฯ 

 

 

 

 

นักสืบรุ่น 111 

 

ผลงานที่ประทับใจของนักสืบรุ่น 111 นั่นก็คือตามล่าแก๊งค้ายาเสพติดข้ามชาติชาวไต้หวัน ซุกยาเสพติดในเพลารถ เตรียมส่งออไปประเทศที่สาม โดยใช้ไทยเป็นฐานที่ตั้ง ซึ่งผู้ต้องหามีหมายแดงที่ทางไต้หวัน ต้องการตัวอีกด้วย

 

 

 

แก๊งนี้เรียกว่า "แก๊งไข่หวง" 4 เจ้าพ่อยาเสพติดไต้หวัน หอบเสื้อผ้าข้ามน้ำข้ามทะเลแฝงตัวในประเทศไทย ตั้งเป็นฐานทัพลำเลียงยาเสพติดส่งขายทั้งในไทย และต่างประเทศ

 

 

 

 

ชุดสืบสวนนครบาล แกะรอยติดตามแก๊งนี้มานานเกือบ 5 เดือน  สุดท้าย พล.ต.ต.ธีรเดช ส่งมือดีสะกดรอย จนถึงเซฟเฮ้าส์ลับในหมู่บ้านหรูกลางกรุง ฐานทัพบัญชาการรับ-ส่งออกยาเสพติดของ "แก๊งไข่หวง" ชาวไต้หวัน ก่อนวางกำลังซุ่มโป่งจนพบเตรียมเคลื่อนย้ายของกลางลงเรือ

 

 

 

ก่อนที่จะบุกเข้าตรวจค้นพบแท่งเพลารถ เกลื่อนบ้าน ย่านลาดกระบัง 14 แท่ง ข้างในยัดกัญชา และไอซ์  เตรียมส่งทางเรือไปต่างประเทศ ก่อนจับกุมผู้ต้องหาทั้งขบวนการได้ทั้งสิ้นกว่า 7 คน ล้วนเป็น "ตัวเด็ด” ที่ทางการไต้หวัน ต้องการตัว

 

 

 

 

นักสืบ รุ่น 112 

 

คดีสืบนครบาล ร่วมกับ นักเรียนสืบ รุ่น 112 สามารถจับกุมตัว นายอภิชาติ หรือ "ผิงผิง" อายุ 29 ปี  ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุวางยาหนุ่มแล้วชิงทรัพย์ โดย "ผิงผิง" หาเหยื่อผ่านแอปฯหาคู่ โดยจะขึ้นข้อความ "สาวสอง ใครร้อนเงินทักมา" เมื่อมีเหยื่อติดกับดัก "ผิงผิง" ก็จะทำการนัดหมายสถานที่ ซึ่งเป็นเหมือน "ห้องเชือด" ที่ "ผิงผิง" ได้เตรียมการขุดหลุมพลางไว้รอเหยื่อไว้แต่เนิ่นแล้ว

 

 

 

"ผิงผิง" จะนำยาที่จะใช้มอมเหยื่อมาบดละเอียด ก่อนจะเทลงในแก้วน้ำที่เตรียมไว้และเพิ่มความแนบเนียนด้วยการใส่น้ำแข็งเปล่าให้เต็มแก้ว ปิดบังคราบผงยาที่นองอยู่ก้นแก้ว เมื่อเหยื่อเข้ามา ก็จะเริ่มด้วยจากให้เงินก่อน จากนั้นจะหว่านล้อมชักจูงให้เหยื่อดื่มเบียร์ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นเมื่อเหยื่อไร้สติ "ผิงผิง" ก็จะลงมือกวาดทรัพย์สินของเหยื่อไป แต่สุดท้ายไม่รอดพ้นฝีมือสืบนครบาล ที่ติดตามจับตัว "ผิงผิง" ขณะที่กำลังหลบหนีออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทาง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว 

 

 

 

 

 

 

นักสืบรุ่น 113

 

สืบนครบาล ร่วม สืบ 113 จับกุม นายกิตติธัช หรือ องค์ หรือ จิว อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาจะมาในรูปแบบ "แมงคราบสายบุญ" อุทาหรณ์สอนใจสาวม่ายผู้สูงวัย โดยผู้ต้องหา ทำตัวท่าทางยั่วยวนใจหญิงม่ายผู้สูงวัย ติดสอยห้อยตามสาวม่ายวัย 58 ปี โดยตลอดความสัมพันธ์ได้แอบจดจำข้อมูลต่างๆไว้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะ "รหัสผ่าน" ของโทรศัพท์และแอ็ปพลิเคชั่นธนาคารของเธอ ก่อนจะค่อยๆหาโอกาสแอบโอนเงินของสาวม้าย จนเกือบหมดตัว ในที่สุดหนีไม่รอดฝีมือของสืบนครบาล จนนำไปสู่การจับกุมตัว

 

 

 

 

พล.ต.ท.ธีรเดช  ย้ำว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนครบาล กำลังเร่งคลี่คลายคดีติดตามจับกุมคนร้ายใน 2 คดีคดีสำคัญคือ คดีหนุ่มเมียนมา อายุ 19 ปี ฆ่าอดีตทูต ที่กำลังหลบหนีอยู่ในประเทศเมียนมา และคดีนักเรียนชั้น ม.6 ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ถูกหลอกขายไอโฟน จนเครียดผูกคอเสียชีวิต ซึ่งผู้ก่อเหตุบางรายยังหลบหนีอยู่ฝั่งประเทศเมียนมา ตอนนี้ได้ส่งชุดสืบสวนประสานกับตำรวจเมียนมา ในการล่าตัดคนร้ายมาดำเนินคดี 

 

 

 

ผบก.สส.บชน. ยืนยันว่าขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในการทำงานของชุดสืบสวนนครบาล ซึ่งแตกต่างในอดีตที่นักสืบไม่ค่อยเปิดเผยตัวตน แต่ทุกวันนี้นักสืบพร้อมเปิดตัวช่วยเหลือคลี่คลายคดีอย่างเต็มที่ โดยที่ผ่านมาการจับกุมคนร้ายแต่ละคดีอาจล่าช้าต้องผ่านการแจ้งความที่สถานีตำรวจจุดเกิดเหตุ กว่าจะมาถึงมืองานสืบสวนทำให้ล่าช้าในการล่าตัวคนร้าย

 

 

 

 

ปัจจุบันนี้ กองบังคับการสืบสวนสอบ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ยุคใหม่มีการพัฒนาโดยการเปิดเพจเฟซบุ๊ก สืบนครบาล IDMB หากประชาชนเดือดร้อนต้องการขอความช่วยเหลือสามารถแจ้งเข้ามาทางเพจได้ทันที 

 

 

 

พล.ต.ต.ธีรเดช ยอมรับว่ามีคนแจ้งเข้ามาจำนวนมากทั่วประเทศ ทางสืบนครบาล จะจัดลำดับความสำคัญของแต่ละเคสในการลงไปช่วยเหลือติดตามจับกุม โดยเฉพาะเคสเร่งด่วน ความเป็นความตายของผู้เสียหาย ก่อนเป็นอันดับต้นๆ