ข่าว

ย้อนเส้นทาง 'เบนซ์ เรซซิ่ง' ก่อนศาลชี้ชะตา สมคบ 'ค้ายาเสพติด-ฟอกเงิน'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ย้อนรอยคดี 'เบนซ์ เรซซิ่ง' หลังศาลอาญา นัดอ่านคำพิพากษา ศาลฎีกา ชี้ชะตาคดี สมคบ 'ค้ายาเสพติด-ฟอกเงิน' วันนี้ ซึ่งในชั้นอุทธรณ์ สั่งเพิ่มโทษ เป็น 36 ปี 8 เดือน ปรับ 3.3 ล้านบาท

จุดเริ่มต้นของคดีนี้ เรียกว่าเป็นคดีดังข้ามชาติ เมื่อตำรวจ บช.ปส. รวบตัว นายไซซะนะ แก้วพิมพา อายุ 42 ปี ชาวลาว ราชายาเสพติดรายใหญ่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2560 ก่อนขยายผลจับกุม นายณัฐพล หรือ บอย นาคคำ ซึ่งให้การซัดทอดว่า ได้นำทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดไปไว้ที่ นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ “เบนซ์ เรซซิ่ง” นักแข่งรถจักรยานยนต์ และเป็นสามีของ นักแสดงสาว “แพท นปภา” ในขณะนั้น

 

2 ก.พ. 2560 ตำรวจเปิดยุทธการ “ชัยยะ สยบไพรี 60/2” เข้าปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดนายไซซะนะ รวม 40 จุด ทั้ง กทม. และต่างจังหวัด พร้อมกับเข้าตรวจค้นที่พักของ “เบนซ์ เรซซิ่ง” แต่ไม่พบตัว และตรวจค้นร้านแอเรีย 51 ร้านแต่งรถบิ๊กไบค์ ของเบนซ์ เรซซิ่ง ที่อยู่บริเวณชั้นล่างของอาคาร พร้อมยึดรถหรูลัมโบร์กินี ทะเบียน กจ 51 กรุงเทพมหานคร มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท, รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์เคทีเอ็ม รุ่นซุปเปอร์ดุ๊ก, รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์บีเอ็มดับเบิลยู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน, อาวุธปืน 2 กระบอก ไปตรวจสอบ

 

 

3 ก.พ. 2560 “เบนซ์ เรซซิ่ง” พร้อมด้วยมารดา และทนายความ เข้าให้ปากคำเพื่อชี้แจงที่มาของทรัพย์สิน โดยยอมรับว่า รู้จักกับ นายณัฐพล หรือบอย นาคคำ เพราะชอบเรื่องการแต่งรถบิ๊กไบค์เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเบื้องหลังนายณัฐพล ทำธุรกิจอะไร แต่สามารถให้ยืมเงิน 6 ล้านบาท มาซื้อรถลัมโบร์กินี ตำรวจยังสงสัยว่า ได้มีการยืมกันจริงหรือไม่ หรือมีการชดใช้กันอย่างไร

 

 

7 ก.พ. 2560 นายไผ่ ลิกค์ หรือไผ่ วันพอยท์ พร้อมเพื่อน เข้าให้ปากคำกับตำรวจ บช.ปส. เพื่อชี้แจงเรื่องที่เบนซ์ เรซซิ่ง และนายณัฐพล มาปรึกษาเรื่องซื้อรถลัมโบร์กินี โดยกล่าวว่า ไม่รู้จักคนทั้งคู่เป็นการส่วนตัว

เบนซ์ เรซซิ่ง

8 ก.พ. 2560 นายณัฐวัฒน์ ห่วงมณี หรือ เอก บูโน่ เจ้าของเต็นท์รถ บูโน่ ออโต้ คลินิก ในย่านพระราม 3 เข้าให้ปากคำตำรวจ บช.ปส. เรื่องซื้อขายรถลัมโบร์กินี ให้ “เบนซ์ เรซซิ่ง” โดยนายณัฐวัฒน์ยืนยัน เป็นการซื้อขายรถมือสองถูกต้องตามกฎหมาย ป.ป.ส. จึงสั่งยึดทรัพย์สินชั่วคราวของ บอย นาคคำ และเบนซ์ เรซซิ่ง รวม 12 รายการ รวมถึง รถยนต์ลัมโบร์กินี สีเทาดำ, รถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์, จักรยานยนต์บีเอ็มดับเบิลยู กับเคทีเอ็ม

 

 

16 ก.พ. 2560 “เบนซ์ เรซซิ่ง” เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน บช.ปส. เป็นครั้งที่ 2 พร้อมหลักฐานการกู้เงิน และแหล่งที่มารายได้ มามอบให้พนักงานสอบสวน

 

 

3 มี.ค. 2560 บช.ปส. ออกหมายเรียก “เบนซ์ เรซซิ่ง” เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันกระทำความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และฟอกเงิน

 

 

6 มี.ค. 2560 “เบนซ์ เรซซิ่ง” เข้าพบ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการ ปส. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ก่อนควบคุมตัวฝากขังต่อศาลอาญา โดยเบนซ์ เรซซิ่ง ยื่นหลักทรัพย์ 500,000 บาท ขอประกันตัว

 

 

7 มี.ค. 2560 ผลจากการตรวจสอบบัญชีเงินฝากธนาคารของเบนซ์ เรซซิ่ง พบว่า มีการทำธุรกรรมทางการเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเมื่อสอบถามแหล่งที่มา ไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปได้

 

 

วันที่ 7 ก.ย. 2561 ศาลอาญา มีคำพิพากษา ให้จำคุก “เบนซ์ เรซซิ่ง” เป็นเวลา 8 ปี ฐานร่วมกันฟอกเงิน (คดีเครือข่ายไซซานะ นักค้ายาเสพติด) และให้ยกฟ้องข้อหาสนับสนุน หรือช่วยเหลือ หรือสมคบกันค้ายาเสพติด ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และ พ.ร.บ.มาตรการในการป้องกันและปรามยาเสพติด

เบนซ์ เรซซิ่ง

โดย “เบนซ์ เรซซิ่ง” ได้ยื่นขอสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ พร้อมวางหลักทรัพย์ขอประกันตัวระหว่างต่อสู้คดีวงเงิน 1 ล้านบาท ซึ่งศาลอนุมัติให้ประกันตัว โดยเบนซ์ เรซซิ่ง ต้องสวมกำไลอีเอ็ม (EM) ด้วย

 

 

ต่อมาปลายปี 2562 ศาลอนุญาตให้ปลดกำไลอีเอ็มได้ แต่ต้องรายงานตัวทุก 2 เดือนแทน ซึ่งเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2563 เป็นกำหนดนัดรายงานตัวต่อศาล แต่ “เบนซ์ เรซซิ่ง” ไม่ได้มารายงานตัว โดยอ้างว่า จำวันผิด เป็นวันที่ 25 มิ.ย. 2563

 

 

แต่ในช่วงรุ่งสางของวันที่ 25 มิ.ย. 2563 ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ได้จับกุมกลุ่มรถจักรยานยนต์ ซึ่งมี “เบนซ์ เรซซิ่ง” รวมอยู่ด้วย ขณะขับขี่รถบริเวณโรงแรมรามาการ์เด้น ในช่องทางด่วนถนนวิภาวดี รังสิต โดยพนักงานสอบสวน แจ้งข้อหา กระทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ ผิด พ.ร.บ.จราจรฯ

 

 

วันที่ 11 ก.พ. 2564 ศาลนัดฟังคำพิพากษา “เบนซ์ เรซซิ่ง” พร้อมจำเลยที่ 2 และ 3 โดยศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยทั้งสามมีความผิด พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และ พ.ร.บ. การฟอกเงิน การกระทำของ “เบนซ์ เรซซิ่ง” เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานสนับสนุนและช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ก่อนหรือขณะกระทำความผิด ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต และปรับ 5,000,000 บาท ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันจำคุก 5 ปี ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม คงรวมจำคุก มีกำหนด 36 ปี 8 เดือน และปรับ 3.33 ล้านบาท จำเลยขอฎีกา

 

 

วันที่ 24 ต.ค. 2566 ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เบนซ์ เรซซิ่ง, นายสรรเสริญ รสานนท์ หรือเน็ต  และ น.ส.อังสุพร อินา หรือ อุ้ม สองสามีภรรยา เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันสนับสนุน หรือช่วยเหลือหรือสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยบกับยาเสพติด, ร่วมกันฟอกเงิน

  

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ