ออกหมายจับเพิ่ม 3 คน แก๊งพา 'เสี่ยแป้ง นาโหนด' ชาย 1 รายแจงไม่เกี่ยวข้อง

ภายหลังจาที่ นายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี หรือ "เสี่ยแป้ง นาโหนด" หลบหนีออกจากการคุมขังของเจ้าหน้าที่ ขณะพักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เมื่อกลางดึกวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยหลังจากปลดพันธนาการออก ก็เดินลงลิฟต์มา แล้วมีรถมารับพาตัวหลบหนีไป เบื้องต้นพบว่าคนที่มารับคือ นายเฉลิมพงษ์ ฤทธิรงค์ อายุ 35 ปี และนายจักรี แป้นน้อย อายุ 41 ปี โดยนายจักรีนั่งรอในรถ เป็นรถกระบะ สี่ประตู สีขาว ทะเบียน 8 กจ 3212 กรุงเทพมหานคร  ซึ่งการหลบหนีมีรถยนต์ทั้งหมด 3 คัน ประกอบด้วย รถกระบะ มิตซูบิชิ สีขาว , รถกระบะ อีซูซุ สีขาว และรถเก๋ง ฮอนด้า รุ่นซีวีค สีดำ ตามภาพวงจรปิดที่ทางตำรวจเก็บมาได้

ทั้งนี้หลังออกจากโรงพยาบาลและได้รับอิสรภาพอีกครั้ง "เสี่ยแป้ง นาโหนด" กับลูกน้องคู่ใจ ได้ขับมุ่งหน้าเข้า จ.ตรัง และไปที่ จ.กระบี่ เพื่อไปหาลูกพี่ แล้วมุ่งหน้าชายแดนประเทศเมียนมา แต่ถูกปฏิเสธจึงต้องย้อนกลับมาที่ จ.พัทลุง โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้ากดดันทางครอบครัวของนายเชาวลิต ให้ประสานพามอบตัวโดยเร็ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า  ขณะนี้อยู่ระหว่างการล่าตัวมารับโทษต่อไป

สำหรับช่วงเวลาก่อนการหลบหนีนั้น เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม มีอดีตนักการเมืองจาก จ.พัทลุง และตำรวจ เดินทางไปเยี่ยม หลังจากนั้นเจ้าตัวได้พบแพทย์เพื่อนัดรักษาทันตกรรม แต่แพทย์ขอเลื่อน แล้วแกล้งวูบหมดสติ นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยมีกำหนดการออกจากโรงพยาบาลวันที่ 22 ตุลาคม จากนั้นก็ก่อเหตุแหกคุก ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ประชุมเร่งรัดสั่งการโดยแต่ละหน่วยได้สรุปผลการดำเนินการในรอบวันที่ผ่านมา มีความคืบหน้าไปพอสมควร สามารถระบุตัวบุคคลที่ให้การช่วยเหลือในการหลบหนีได้

โดย พล.ต.ต.สมชาย สั่งการให้แต่ละหน่วยดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ตรวจสอบและเก็บข้อมูลกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมในเขตโรงพยาบาลมหาราช และโรงแรมพร้อมใจ , ตรวจสอบและเก็บข้อมูลกล้องวงจรปิดในเขตเรือนจำ จว.นศ. รวมทั้งข้อมูลการเยี่ยมผู้ต้องขัง, ตรวจสอบและเก็บข้อมูลกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมในเส้นทางที่ใช้หลบหนี, สอบสวนปากคำพยานซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุเพิ่มเติม ทำรายงานการสืบสวน ออกหมายจับผู้ต้องหาที่รู้ตัวเบื้องต้นมี 3 ราย คือ นายเชาวลิต ทองด้วง, นายเฉลิมพงษ์ ฤทธิรงค์ , น.ส.วิลาวัลย์ หมื่นรักษ์

ขณะที่ นายเฉลิมพงษ์ ฤทธิพงษ์ หนึ่งในผู้ต้องสงสัย ล่าสุดได้ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลบหนีของ "เสี่ยแป้ง นาโหนด" ตกใจหลังจากเห็นข่าวในจอทีวีว่ามีตนเองเข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นคนเดินคู่ออกจากตึกมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ตนเอง คืนเกิดเหตุตนเองเดินทางไปเปลี่ยนยางรถยนต์ให้ลูกค้าบริเวณเขาพับผ้า พื้นที่รอยต่อพัทลุง-ตรัง และไม่ทราบเรื่องเลย จนทราบว่ามีข่าวดังกล่าว ตนเองกับเสี่ยแป้งรู้จักกันเพราะเคยไปทำงานที่อู่ช่อมรถเสี่ยแป้งก่อนหน้านี้  แต่หลังจากเสี่ยแป้งติดคุกก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กัน อยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ตนเองว่า  ที่มีการเสนอข่าวออกไปนั้นไม่ใช่ตนเอง  เป็นคนอื่นที่ตนเองรู้จัก แต่ก็ไม่ได้สนิทกัน

ส่วนภรรยา นายเฉลิมพงษ์ หรือ ช่างปุ๊ บอกว่า รู้สึกงงเหมือนกัน ว่าสามีตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีได้อย่างไร เพราะช่วงเกิดเหตุสามียังเดินทางไปช่อมรถให้ลูกค้านอกสถานที่ และมีพยานเพื่อนข้างบ้าน รวมทั้งเจ้าของรถที่ไปซ่อม พร้อมกับภาพกล้องวงจรปิด ว่าสามีตนเองไม่ได้ไปช่วยเหลือเสี่ยแป้งตามที่เป็นข่าว

ส่วนการติดตามผู้ต้องหา "เสี่ยแป้ง นาโหนด" และผู้ต้องสงสัยที่เหลือในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ล่าสุดทางผู้บังคับการตำรวจนครศรีธรรมราช พร้อมชุดสืบสวนตำรวจภูธรพัทลุง กองกำลังครบมือ ได้เดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดพัทลุงเพื่อค้นพื้นที่เป้าหมาย 3 จุด ประกอบด้วย บ้านของ นายจีรวุฒิ หรือบอย ชุมศรี ท้องที่ อ.ควนขนุน , บ้านของ นายจักรี หรือบิ๊ก แป้นน้อย ท้องที่ อ.เมือง และ น.ส.หมวย พื้นที่ อ.เมืองเช่นกัน ทั้ง 3 คน มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งพาหลบหนี โดย น.ส.หมวย เป็นคนโอนเงินดูแลค่าใช้จ่ายในการหลบหนีในครั้งนี้