เปิดใจหนุ่มใหญ่วิธีเอาชีวิตรอดจาก 'สงครามอิสราเอล'

12 ตุลาคม 2566 บรรยากาศที่สถาบันบําราศนราดูรเต็มไปด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้มจากครอบครั วของแรงงานไทยที่มารอรับ15 คนไทยหนีตายจากอิสราเอลหลังไปใช้แรงงานเพื่อแลกกับเงินที่ให้ค่าตอบแทนสูง 40,000-50,000 บาทต่อเดือนนับเป็นรายได้ที่ค่อนสูงถ้าเทียบกับประเทศไทยสำหรับครอบครัวที่ไม่ได้วุฒิการศึกษาปริญญาตรีประเทศอิสราเอล จึงเป็นพื้นที่หาเงินเพื่อเลี้ยงครอบครัวสำหรับแรงงานไทยแม้จะรู้ว่าข้างหน้าเกิดสงครามก็ตาม

นายธีรวัฒน์ เสามั่น เคยทำงานอยู่ไหนประเทศอิสราเอลถึง 8 ปีวันนี้มารับหลานชายที่ถูกยิงบริเวณหัวไหล่เปิดใจกับทีมข่าว คมชัดลึกว่า
จากประสบการณ์ในการทำงานที่อิสราเอลบ้านนายจ้างส่วนใหญ่จะมีหลุมหลบภัย ทุกเช้าจะมีการรวมตัวกันเข้าไปแอบในหลุม โดยเฉพาะใต้บ้านของนายจ้างที่มีเงินจะมีหลุมหลบภัยอยู่ส่วนในหมู่บ้านก็จะมีหลุมหลบภัยเฉพาะของในแต่ละหมู่บ้านเมื่อเกิดเหตุการณ์ก็จะมีสัญญาณไซเรน ดังขึ้นจะเข้าไปหลบในหลุมหลบภัย

นายธีรวัฒน์ ยังเล่าอีกว่าเหตุการณ์นี้แตกต่างจากทุกครั้งเพราะมีการเดินเข้าไปยิงคนในหมู่บ้านและเป็นวันหยุดประจำอาทิตย์ของคนที่นั่นคือวันเสาร์หรือเรียกว่าวันชาบัทหรือวันครอบครัวในอิสราเอลจึงไม่มีไซเรนเตือนภัยซึ่งหลานชายที่ทำงานอยู่ก็นอนพักผ่อน เพื่อนร่วมงานก็นั่งเล่นกันอยู่ก็มีกลุ่มคนยิงการ์ดเข้ามาเมื่อหลานชายลูกครึ่งจึงโดนหัวไหล่ จากนั้นพากันวิ่งหนีไปกบดานอยู่ภายในอาคาร จึงได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเพื่อเอาชีวิตรอดจากสงคราม นายธีรวัฒน์ บอกว่าตอนนี้ตนพยายามเข้าไปช่วยเหลือในกลุ่มโอเพ้นไลน์ พยายามที่จะเอาเบอร์ให้กับศูนย์เพื่อเป็นการช่วยเหลือตัวเองให้รอดพ้นเพราะพูดภาษาฮีบรูได้ซึ่งวิธีนี้หลานชายก็นำไปใช้จึงรอดมาได้

คนไทยส่วนใหญ่ที่ไปทำงานต่างประเทศแล้วได้เงินเดือน 50,000 บาทถึง 60,000 บาทไปอย่างถูกต้องทั้งๆที่รู้ว่าเป็นประเทศสงครามแต่ก็ต้องทำเพื่อเงินหากรวมโอทีบางคนได้ถึง 60,000 บาท 70,000 บาทต่อเดือนส่งมาที่บ้านเพื่อเลี้ยงครอบครัวเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่หลายคนที่ไปต่างประเทศกลับมาจะมีเงินก้อนเพื่อซื้อบ้านซื้อรถเพราะถ้าอยู่เมืองไทยอย่างที่เห็นเศรษฐกิจแบบนี้รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย