ข่าว

เปิดคำร้องฝากขัง 'พ่อแม่โหด' โบกปูนลูก ไร้ญาติยื่นประกัน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดคำร้องพนักงานสอบสวน สน.บางเขน หิ้ว "พ่อแม่โหด" ฆ่าโบกปูนลูกอำพรางศพ ฝากขังพร้อมค้านปล่อยตัว ไร้ญาติยื่นประกัน พบเมียคนที่ 3 ถูกทำร้ายร่างกายรุนแรงตลอด

เปิดคำร้องฝากขัง นายส่องศักดิ์ ส่งแสง และ น.ส.สุนัน ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าลูกอำพรางศพฝังดินโบกปูน รวม 2 สำนวน ประกอบด้วย คำร้องฝากขัง หมายเลขดำ ฝ.1406/2566 ซึ่งมีนายส่องศักดิ์  ผู้ต้องหาที่ 1 และ น.ส.สุนัน ภรรยา ผู้ต้องหาที่ 2  ความผิดฐาน ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย, ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิดการตาย หรือเหตุแห่งความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 199, 290 วรรคหนึ่ง

 

ในชั้นสอบสวน นายส่องศักดิ์ ผู้ต้องหาที่ 1 สารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วน น.ส.สุนัน ผู้ต้องหาที่ 2 รับสารภาพในข้อกล่าวหา ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิดการตาย หรือเหตุแห่ง ความตาย ส่วนข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายนั้น  ให้การปฏิเสธ

 

 

นายส่องศักดิ์-น.ส.สุนัน 2 พ่อแม่โหด ฆ่าลูกฝังโบกปูน ถูกคุมตัวฝากขัง

สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2566 เจ้าหน้าที่ พม. ตำรวจ สน.บางเขน และ กัน จอมพลัง ร่วมกันเข้าไปช่วยเหลือเด็ก ซึ่งถูกพ่อคือนายส่องศักดิ์  ทำร้ายร่างกาย และได้ทําการช่วยเหลือเด็กหญิง 2 คน อายุ 12 ปี และอายุ 4 ปี ออกมาอยู่ในความดูแลได้

 

 

กัน จอมพลัง เข้าช่วยเหลือเด็กถูกพ่อแม่ทำร้ายร่างกาย

 

 

แต่จากการตรวจสอบไม่พบ ด.ญ.อายุ 2 ปีซึ่งเป็นลูกสาวอีกคนที่เกิดกับนายส่องศักดิ์ และน.ส.สุนัน จากการสืบสวน เชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นการหายตัวไปของ ด.ญ.อายุ 2 ปี จึงได้ติดตามตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 เพื่อจะซักถามเกี่ยวกับการหายตัวไป 

 

กระทั่งวันที่ 19 ก.ย.2566  เจ้าหน้าที่ตำรวจพบตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านรังสิต ถ.พหลโยธิน ต.ประชาธิปปัตย์ จ.ปทุมธานี จึงได้เชิญทั้งสองคนมาซักถามปากคำเบื้องต้นเกี่ยวกับคดี เบื้องต้น ทั้งสองให้การไปแนวทางเดียวกันว่า นายส่องศักดิ์ ได้ทำร้ายร่างกายลูกสาวอายุ 2 ปี จนได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ได้พาไปพบแพทย์ กระทั่งลูกสาวเสียชีวิต 

 

จากนั้นได้ร่วมกันนำร่างของขึ้นรถยนต์เพื่อเดินทางไปยังบ้านใน ต.บ่อถ้ำ อ.ขาณุวรลักษณ์ จ.กำแพงเพชร โดยได้แวะซื้อถุงพสาติกสีดำเพื่อไว้ห่อร่างศพ ก่อนจะร่วมกันลงมือเตรียมอุปกรณ์ที่จะจัดการกับศพ ด้วยการฝังร่างไว้กับพื้นบ้านแล้วใช้ปูนซีเมนต์โบกปิดทับไว้ 

 

 

บ้านใจจ.กำแพงเพชร ที่นำศพลูก 2 ขวบ ฝังโบกปูน

 

 

หลังจากให้การเบื้องต้น ทั้ง 2 คนสมัครใจชี้ยืนยันจุดที่ฝังศพเด็กหญิง เมื่อไปถึงที่บ้านดังกล่าว บริเวณครัวด้านหลังของบ้านมีร่องรอยการขุดและปิดโบกทับด้วยปูน จึงได้ทำการทุบซีเมนต์และขุดพื้นในจุดที่ผู้ต้องหาทั้งสอง นำชี้จุดเกิดเหตุฯ ปรากฏพบถุงพลาสติกสีดำ เมื่อเปิดออกมาพบศพเด็กหญิงอายุประมาณ 2 ปี ซึ่งทั้งสองให้การรับสารภาพว่าเป็นลูกสาวของทั้งสองจริง 

 

 

นายส่องศักดิ์ พ่อโหด ทำร้ายลูกจนเสียชีิวิต ก่อนนำศพฝังโบกปูน

 

 

ซึ่งการฝากขัง ทั้งพนักงานสอบสวน ผู้ร้อง และผู้เสียหาย ได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวด้วย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงหากปล่อยตัวไปเกรงว่าจะหลบหนี และผู้เสียหายอาจได้รับอันตรายเนื่องจากผู้ต้องหาทราบที่อยู่ของผู้เสียหาย

 

 

ตร.คุมตัว นายส่องศักดิ์ พ่อโหดฆ่าโบกปูนลูกไปสอบปากคำ

 

 

นอกจากนี้ พนักงานสอบสวน สน.บางเขน ยังได้ยื่นคำร้องฝากขัง หมายเลขดำ ฝ.1407/2566 กล่าวหา นายส่องศักดิ์ ผู้ต้องหา ความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายสาหัส, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดฯ หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 (4), 309 ในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
   

 

โดยพฤติการณ์คดีนี้ สืบเนื่องจาก น.ส.เจษฎา ผู้กล่าวหาได้คบหากับนายส่องศักดิ์ ผู้ต้องหา และอยู่กินกันฉันสามีภรรยา ช่วงประมาณปี 2553 และมีบุตรด้วยกัน 5 คน ซึ่งก็ได้คบหาเรื่อยมา กระทั่งตั้งแต่ปี 2558 ผู้กล่าวหากับผู้ต้องหา พร้อมบุตรได้ย้ายมาพักอาศัยที่ซอยพหลโยธิน 50 แยก 11  แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ จนถึงปี 2564 ซึ่งขณะที่พักอาศัยอยู่นั้น นายส่องศักดิ์ มักจะทำร้ายร่างกายผู้กล่าวหา รวมถึงยังได้มีการใช้ไคขวงกับมีดลนไฟจนเหล็กสีแดง และนำมาทาบตามร่างกายของผู้กล่าวหาจนเกิดเป็นแผลพุพอง จำนวนหลายแผล และเป็นแผลเป็นตามร่างกาย โดยหากไม่ทำตามก็ข่มขู่ว่าทำร้ายร่างกายผู้กล่าวหา หรือบางครั้งก็ข่มขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายให้ตาย

 

 

น.ส.เจษฎา ถูกนายส่องศักดิ์ สามี ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ

 

 

จนกระทั่งประมาณปี 2564 ผู้กล่าวหาได้ย้ายมาพักที่อพาร์ทเม้นท์ ภายใน ซ.พหลโยธิน 48 แยก 11 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กับลูกของผู้กล่าวหา โดยแยกกันอยู่กับผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหาก็มาหาผู้กล่าวหาและลูกอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่ได้ทำร้ายร่างกาย ต่อมาผู้ต้องหาก็กลับมามีพฤติกรรมแบบเดิม โดยได้บังคับให้ผู้กล่าวหาทำการถ่ายวิดีโอ โดยผู้กล่าวหาใช้โทรศัพท์มือถือถ่าย และส่งให้ผู้ต้องหาดู หากไม่ยอมทำตามผู้กล่าวหาและลูกจะถูกผู้ต้องหาทำร้ายร่างกาย และผู้ต้องหามักจะใช้ลูกของผู้กล่าวหาเป็นข้ออ้างในการบีบบังคับให้ทำการใช้ไขควงหรือมีดลนไฟมาทาบร่างกายตัวเองให้ผู้ต้องหาดู โดยผู้กล่าวหาอยู่ในภาวะจำยอมเนื่องจากเป็นห่วงลูกของตนเกรงว่าจะได้รับอันตราย 
   

 

ล่าสุด ประมาณวันที่ 7 ส.ค. 2566 เวลาประมาณ 18.00 น. ผู้ต้องหาได้บังคับให้ผู้กล่าวหาทำการถ่ายวิดีโอ โดยผู้กล่าวหาใช้โทรศัพท์มือถือถ่าย และให้ผู้กล่าวหานำมีดไปลนไฟและนำมาทาบที่น่องข้างขวาจนเกิดเป็นแผลพุพอง และให้ผู้กล่าวหาส่งให้ผู้ต้องหาดู โดยผู้ต้องหาขู่เช่นเดิมว่าหากไม่ยอมทำตามผู้กล่าวหาและลูกจะถูกผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง

 

 

คุม พ่อมแม่โหด ส่งศาลฝากขัง

 

 

การกระทำของผู้ต้องหาทำให้ผู้กล่าวหาได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบปรากฏว่า ตามร่างกายของผู้กล่าวหามีรอยแผลเป็นบนใบหน้า หัวไหล่ และน่องที่ขา ถือว่าเป็นแผลเป็นฉกรรจ์ตามร่างกายและหน้าเสียโฉมอย่างติดตัว 
   

ซึ่งการฝากขัง ทั้งพนักงานสอบสวน ผู้ร้อง และผู้เสียหาย ได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวด้วย เนื่องจากเกรงว่าหากปล่อยตัวไปแล้วจะหลบหนียากแก่การติดตามตัวมาภายหลัง และจะข่มขู่ผู้เสียหาย
   

โดยศาลอาญา อนุญาตให้ฝากขังตามคำร้องทั้ง 2 สำนวน ซึ่งผู้ต้องหาไม่ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวในชั้นฝากขังนี้จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวนายส่องศักดิ์ ไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ส่วน น.ส.สุนัน ถูกนำตัวไปควบคุมที่ทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ