ทลาย 4 จุด รังเว็บไซต์หาหญิงสาว ค้ากามให้ชาวต่างชาติ

 

20 ก.ย. 2566  ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรกิจ อินอ่ำ ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี ชุดปฏิบัติการ PCT 1 นำโดย พ.ต.ท.ภารกร นภาโชติ รอง ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.วิศรุต ละเอียดอ่อง รอง ผกก.สส. บก.ตม.3, พ.ต.ท.รุตินันท์ สัตยาชัย สว.กก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ต.สุริโย ไชยยอด สว.กก.สส.บก.ตม.3, พ.ต.ต.จตุรโชค เพชรคง สว.กก.สส.บก.ตม.3 มีผลการปฏิบัติดังนี้

 

จากกรณีชุด PCT1 ได้เปิดปฏิบัติการจับกุมเจ้าของเว็บไซต์ www.absolute-angels-bangkok.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เคยขึ้น ฟีด อับดับ1 จนมีการจับกุมและยึดทรัพย์กว่า 40 ล้านบาท ชุดสืบสวนพบว่าจากการตรวจสอบในหน้าฟีดเกี่ยวกับเว็บไซต์ขายบริการทางเพศแก่ชาวต่างชาติ ก็พบว่ายังมีอีกหลายเว็บไซต์ จึงได้รีบดำเนินการสืบสวนจับกุมต่อเนื่อง

 

 

พล.ต.ต.พันธนะ เปิดเผยว่า จากการสืบสวนครั้งนี้มีการเข้าไปตรวจสอบเว็บไซต์ smooci.com พบว่าเป็นเว็บไซต์หญิงสาวขายบริการที่ให้บริการอยู่หลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งจากการสืบสวนโดยการเฝ้าติดตามและซักถามข้อมูลก็พบว่าเป็นเครือข่ายมีจำนวนหลายคนแบ่งหน้าที่กันทำ โดยขบวนการนี้พบว่ามี น.ส.อิงปวัน (นามสมมติ) เป็นแอดมินหลักคอยบริหารจัดการในภาพรวม มีนายปุนวัฒนา (นามสมมติ) ซึ่งเป็นสาวประเภทสอง ผู้ช่วยแอดมินทำหน้าที่คอยจัดการเรื่องการตามเก็บเงินและรวบรวมเงินจากหญิงขายบริการในสังกัด และมีกลุ่มของผู้ช่วยแอดมินอีกส่วนที่ทำหน้าที่ เป็น call center คอยประสานงานนัดหมายคิวงานในแต่ละวัน ซึ่งพบว่าหมุนเวียนเปลี่ยนมาทำงานในแต่ละวัน 

 

 

 

 

ขบวนการนี้พบว่ามีการบริหารจัดการเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมเป็นอย่างดี โดยพบว่ามีการใช้ระบบโทรศัพท์ VoIP เข้ามาใช้ ซึ่งผู้ทำหน้าที่รับสายจะหลบอยู่สถานที่แตกต่างกัน โดยมีในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ นครราชสีมา สมุทรปราการ และ กรุงเทพฯ แต่ต้นสายนั้นสืบสวนพบว่ามาจากย่านห้วยขวาง และพบว่าในห้วงต้นเดือนนี้ที่ผ่านมาได้มีการปรับเปลี่ยนระบบมาใช้บัญชีลักษณะคล้ายบัญชีม้ารับแทน และมีแอปพลิเคชั่นชื่อว่า FLAVR ซึ่งเขียนขึ้นและนำมาใช้บริหารจัดการเฉพาะกลุ่มหญิงค้าประเวณี เพื่อแสดงรายละเอียดของลูกค้า จำนวนชั่วโมง จำนวนเงิน และรายได้
  

 

 

พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวอีกว่า เมื่อได้ข้อมูลหลักฐาน รวมถึงสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเชื่อว่ามีการกระทำความผิดแล้ว จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับ ร้อยเวรสอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ จนกระทั่งอนุมัติศาลจังหวัดพัทยา เข้าจับกุมตัว น.ส.อิงปวัน แอดมินหลัก ,นายปุนวัฒนา ผู้ช่วยแอดมิน ดูแลการเงิน และนายนิตตะ (นามสมมติ) หนึ่งในผู้ช่วยแอดมิน ซึ่งเป็น call center 

 

 

 

 

นอกจากนี้มีการเข้าตรวจค้น คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านสุขุมวิท 50 ซึ่งเป็นห้องของ น.ส.อิงปวัน พบหลักฐานเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งเข้าใช้ระบบบริหารจัดการจำนวนหลายเว็บไซต์ รวมถึงเว็บไซต์ smooci.com ด้วย พบโทรมือถือจำนวน 3 เครื่อง ซึ่งใช้ติดต่อสื่อสารในการทำงานเกี่ยวกับการค้าบริการให้กับชาวต่างชาติ และสมุดจดรายรับรายจ่ายการค้าบริการ 

 

 

 

รวมทั้งเข้าตรวจค้นอพาร์ทเม้นแห่งหนึ่ง ย่านแฮปปี้แลนด์ คลองจั่น ซึ่งเป็นห้องของนายปุนวัฒนา พบคอมพิวเตอร์ มินิพีซี 1 เครื่อง  และ โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง ที่ใช้ในการทำงาน โดยปุนวัฒนา ยอมรับว่ามีหน้าที่เป็นผู้ช่วยแอดมิน มีหน้าที่ติดตามเงินส่วนแบ่งของแพลตฟอร์มเว็บไซต์ จากหญิงบริการ ซึ่งรับเงินมาจากลูกค้า โดยติดค่าบริการที่ 25% จากยอดค่าบริการ  โดย นายปุนวัฒนา รับค่าจ้างเดือนประจำละประมาณ 15,000 บาท ไม่รวมรายได้พิเศษอย่างอื่น และรับว่ายังมีหน้าที่ดูแลออฟฟิต ซึ่งมีการติดตั้งระบบโทรศัพท์  VoIP

 

 

 

ขณะที่กำลังอีกชุดเข้าตรวจค้นบ้านพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 3 ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ผลการตรวจค้นพบนายนิตตะ พักอาศัยอยู่ โดยตรวจค้นพบ คอมพิวเตอร์ มินิ พีซี Intel ซึ่งต่อพ่วงกับโทรศัพท์ IP Phone โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง ซึ่งใช้ในการทำงานคอลเซ็นเตอร์ โดยในแต่ละครั้งจะมีหน้าที่ติดต่อประสานงานและนัดหมายกับลูกค้า หากลูกค้ามีการยกเลิกงานโดยไม่มีสาเหตุก็จะเป็นผู้ติดต่อกับพนักงานหญิงบริการ เพื่อจ่ายค่าเสียเวลาให้จำนวน ครั้งละ 500 บาท โดยนายนิตตะ รับว่าได้รับเงินจาก น.ส.อิงปวัน เพื่อใช้จ่ายในการนี้โดยเฉพาะ ซึ่งนายนิตตะ รับว่าได้ค่าจ้างสัปดาห์ละ 5,000 บาท โดยไม่รวมรายได้พิเศษอย่างอื่น  

 

 

 

ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อหาดังกล่าวข้างต้นให้ผู้ต้องหาทั้ง 3 ทราบและนำตัวส่งพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเพื่อดำเนินคดี จากการสืบสวนพบว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการนี้มีส่วนพัวพันเว็บไซต์ หลายเว็บไซต์ ซึ่งมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 3-4 เว็บไซต์ และยังมีผู้ดูแลด้านไอที และพนักงานคอลเซ็นเตอร์ รายอื่นๆ รวมถึงแอดมินสายหรือขบวนการอื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าอยู่ในหรือนอกประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างรวมรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี

 

 

 

ในส่วนของอุปกรณ์โทรศัพท์ VoIP นั้น มีลักษณะลักลอบใช้คล้ายกับกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้พบในเบื้องต้นว่าไม่มีหลักฐานว่าผ่านการตรวจอนุญาตจาก สำนังาน กสทช. ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 ซึ่งจะต้องมีการดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องอีกส่วนต่อไป