ข่าว

ผบ.ตร.แจงโอนคดี 'สารวัตรแบงค์' ให้กองปราบฯ เหตุโยงผู้มีอิทธิพล ไร้ขัดแย้ง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กเด่น" แจงโอนคดี "สารวัตรแบงค์" ให้กองปราบ เหตุคดีโยงผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ หวั่นไม่ได้รับความไว้ใจในกระบวนการยุติธรรม ไม่มีความขัดแย้งในการทำคดี

18 ก.ย. 2566  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีคำสั่งให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (บช.ภ.7) โอนคดีทั้งหมดที่เกี่ยวกับ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ ไปให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นผู้ทำคดี ว่า โดยจุดเริ่มที่นายธนัญชัย หมั่นมาก หรือ หน่อง ยิงสารวัตรแบงค์ จากนั้น  มีการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 จนกระทั่งออกหมายจับนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ "กำนันนก" และนายธนัญชัย  หรือ หน่อง มือปืน จนถึงมีการวิสามัญ

 

 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

 

ทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เสนอมายังตนว่า เนื่องจากเป็นคดีสำคัญและเกี่ยวเนื่องกับผู้มีอิทธิพล และเมื่อคดีในพื้นที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล ก็จะไม่ได้รับความไว้ใจในกระบวนการยุติธรรม ตนก็เห็นชอบที่จะให้มีการโอนคดีมาที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและรอบคอบในการทำคดี

 

นอกจากนี้ ในการทำคดีของทางกองปราบฯ จะมีทั้งในส่วนของหมายจับ กำนันนกและนายหน่องแล้ว พนักงานสอบสวนของกองปราบก็พิจารณาแล้วว่า มีคนงานในบ้านกำนันนกช่วยเหลือและทำลายหลักฐานในวันเกิดเหตุ ถือว่าเป็นความผิดและดำเนินคดีอาญาไปแล้ว

 

ต่อมา สำนวนที่ บช.ภ.7 มีการสอบสวนพบตำรวจอีก 6 คนเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีในข้อหา "ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่" ตามมาตรา 157 ที่ยังไม่ได้รับการประกันตัว ทาง บช.ภ.7 เห็นว่าในคดีนี้เป็นคดีเดียวกัน จึงเสนอขอโอนสำนวนคดีมาให้กองปราบฯ เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2566  ที่ผ่านมา ซึ่งตนก็เห็นชอบอนุมัติ เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2566  ซึ่งทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ ทั้งตำรวจและพลเรือน ก็มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีเดียวกัน ทั้งการช่วยเหลือและการทำลายหลักฐาน

 

ทั้งนี้ กองปราบฯ มีอำนาจและศักยภาพการปฏิบัติงานทั่วประเทศ โดยคดีนี้มีเพียงแค่จุดเดียว ไม่ได้ยุ่งยากอะไรและทางพนักงานสอบสวนของกองปราบฯ ก็มีจำนวนมาก ตนเห็นด้วยจึงให้โอนคดีไป หลังจากที่มีการโอนคดีแรกไปแล้ว พล.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.)มอบหมาย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. เป็นหัวหน้า ซึ่งตนมั่นใจว่าจะทำคดีออกมาได้ดี

 

 

 

ผบ.ตร.แจงเหตุโอนคดีกำนันนก ให้กองปราบ เนื่องจากโยงผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

 

 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า การโอนคดีกำนันนก ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในการทำคดี โดยตนจะดูในภาพรวมทั้งหมด และให้ทาง บช.ก. และ บช.ภ.7 ลงไปทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองให้เร็วที่สุด สิ่งที่จำเป็นที่สุด คือ การรวบรวมพยาน หลักฐาน จับกุมผู้กระทำความผิดได้เร็ว และในขณะนี้ตนยังสั่งการไปว่า ตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดีจะต้องถูกดำเนินคดี

 

ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องกับ ม.157 ทางพนักงานสอบสวนจะทำงานร่วมกับ ป.ป.ช. โดยจะนำสำนวนส่งให้ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาว่าจะส่งสำนวนกลับมาให้ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่

 

ส่วนประเด็นการฮั้วประมูล ถือว่าเป็นคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ สามารถทำงานร่วมกับตำรวจ ซึ่งต้องไปเจรจากำหนดหน้าที่กันอีกครั้ง

 

สำหรับกรณีที่ กำนันนก เป็น กต.ตร.ภ.จว.นครปฐมนั้น ผบ.ตร. ระบุว่าเป็นบทเรียนที่สำคัญ ยอมรับว่าบางจังหวัดยังมีอยู่ ในเรื่องของเครือข่ายผู้มีอำนาจในการเงิน ในเรื่องของผู้มีอิทธิพล หากมีอีก ผู้บังคับการอาจต้องรับผิดชอบ หรือ ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน กต.ตร.ในตำแหน่งอยู่แล้ว หากมีการประชุมแล้วพบว่า มีคนไม่ดีเข้ามาเป็น กต.ตร. ก็ต้องพิจารณาให้บุคคลนั้นออกจากตำแหน่ง กต.ตร. 

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะต้องมีการพิจารณา และเข้มงวดในการลงสมัคร กต.ตร. รวมถึงเรื่องอาวุธปืน ที่ต้องประสานกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลกัน เพราะตำรวจไม่ได้ทำเรื่องอนุญาตเรื่องอาวุธปืน ปัจจุบันตำรวจจึงไม่รู้ว่ามีใครครอบครองปืนกี่กระบอก

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ