ข่าว

ศาลยกฟ้อง 'แอม ไซยาไนด์' ฟ้องหมิ่นประมาทรพี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลอาญาสั่งยกฟ้อง แอม ไซยาไนด์ หมิ่นประมาท รพีพูดพาดพิงในรายการทีวี ทนายพัช เตรียมดำเนินคดีข้อหาใช้เอกสารเท็จ

วันที่ 5 ก.ย.66  ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  ศาลนัดฟังคำสั่งในคดีที่ อ.1090/2566 ที่ น.ส.สรารัตน์ หรือ แอม จำเลยในคดีที่ถูกกล่าวหาว่า วางยาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นโจทก์ฟ้องนายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตของคดี การเสียชีวิตของเหยื่อ ที่เกี่ยวข้องกับ  น.ส.สรารัตน์ เป็นจำเลยในความผิดฐาน หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีที่ นายรพี ไปให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2566 ที่ผ่านมา มีถ้อยคำที่ นายรพี พูดพาดพิง แอมในทำนองว่า  แอมโกหกหลอกตำรวจหัวปั่น ทำให้ แอมได้รับความเสียหาบ โดยวันนี้ฝ่ายโจทก์ มี นางสาวธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช มาศาล ส่วน ฝ่ายจำเลย น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ ทนายความของนายรพี เดินทางมาศาล 

นางสาวอำนวยพร   เปิดเผย ภายหลังเข้าฟังการพิจารณาคดีว่าวันนี้ ศาลได้มีคำสั่งยกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่านายรพีได้รับมอบอำนาจจากญาติผู้เสียหาย ซึ่งการให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโทรทัศน์นั้นเป็นไปตามข้อเท็จจริงจากการสืบสวนของตำรวจ ซึ่งได้รับรายงานจากตำรวจชุดคลี่คลายคดี เป็นการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่รัฐด้วย จึงเป็นการให้สัมภาษณ์โดยสุจริต ซึ่งฝ่ายโจทก์มีสิทธิ์ที่จะยื่นอุทธรณ์ภายใน 1 เดือน หรืออาจจะขยายได้ครั้งละ 1 เดือน ซึ่งนายรพีเองก็รู้สึกดีใจที่ได้รับความยุติธรรมจากศาลในครั้งนี้

ศาลยกฟ้อง \'แอม ไซยาไนด์\' ฟ้องหมิ่นประมาทรพี

ทางด้าน น.ส. ธันย์นิชา เอกสุวรรณรัตน์ หรือ ทนายพัช” ทนายความ แอม ไซยาไนด์ กล่าวว่าวันนี้ ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง จำเลย แต่ ก็จะใช้สิทธิ์อุทธรณ์คดีต่อศาล เนื่องจาก ตนเองได้หลักฐานสำคัญ คือ หนังสือรับมอบอำนาจจากมารดาของ น.ส.ก้อย ที่ นายรพี อ้างว่า ได้รับมอบหนังสือดังกล่าวมา ลงลายมือชื่อในเอกสาร คือวันที่  14 เม.ย.2566 แต่เมื่อตรวจสอบสำเนาบัตร ประชาชน ของมารดา  น.ส.ก้อย ปรากฎว่า บัตรประชาชน ออกให้ ในวันที่ 1 พ.ค.2566 เท่ากับว่า ก่อนหน้านี้ มีการทำเอกสารอันเป็นเท็จ ตนเองจึงได้ ยื่นคำคัดค้าน ต่อศาล  ผ่านระบบCIOS ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (4 ก.ย.66)  และศาลได้รับคำคัดค้านไว้แล้ว หลังจากนี้ จะดำเนินคดีกับนายรพีและบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด  เกี่ยวกับการทำเอกสารอันเป็นเท็จ ส่วนพยานหลักฐานนี้ จะมีผลต่อการยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล

 

นอกจากนี้ ทนายพัช ยังกล่าวถึง สำนวนคดีการเสียชีวิตของเหยื่อ รวม 14 คดี และพยายามฆ่าอีก 1 คดี รวมเป็น 15 คดี ขณะนี้ พบว่า มีการสั่งฟ้อง และส่งสำนวนให้อัยการ เพียงคดีของก้อย คดีเดียวเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 14 คดี ไม่ทราบว่า เหตุใดจึงไม่ส่งสำนวนมาพร้อมกัน  ทั้งที่คำพิพากษาศาลฎีกา ก่อนหน้านี้ ระบุว่า เหตุลงโทษคดีแต่ละคดี สามารถนำไปนับโทษต่อกันได้  ส่วนตัวมองว่า การแถลงข่าวปิดคดีของตำรวจ ระบุชัดว่า มีการส่งสำนวนคดีให้อัยการ ไปทั้งหมดแล้ว จึงทำให้ตนเอง มีความสงสัย และเตรียมพิจารณา ดำเนินคดี กับ พนักงานสอบสวน 

ทนาย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ