ข่าว

รวบแก๊ง เสธฯทหาร แอบอ้าง 'มูลนิธิชัยพัฒนา' ตุ๋นเงินผู้รับเหมากว่า 20 ราย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"กองปราบ" ลุยค้นพื้นที่เป้าหมาย 7 จังหวัด รวบ แก๊งอ้างตัวเป็นเสธ.หลอกลงทุน อ้างเป็นตัวแทน "มูลนิธิชัยพัฒนา" หลอกลงทุน มีเหยื่อหลงเชื่อกว่า 20 ราย เสียหายกว่า 1.5 ล้านบาท

10 ส.ค. 2566 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.)  พร้อมด้วย พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง รอง ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.สุพจน์ น้อยสวรรค์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.3 บก.ป. ร่วมกันแถลงการจับกุมนำกำลังค้นพื้นที่เป้าหมายในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ,มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, กาฬสินธุ์ , เชียงใหม่ ,ลำปาง และสุพรรณบุรี  จับกุม แก๊งอ้างตัวเป็นเสธ.หลอกลงทุน โครงการของมูลนิธิชัยพัฒนาฯ 

 

ได้ผู้ต้องหาจำนวน 7 คน ประกอบด้วย

1. นายสมชาย หรือผู้กองเป็ด (สงวนนามสกุล)  อายุ 59 ปี

2. นายสุริยพันธ์ หรือผู้กองจอร์ท (สงวนนามสกุล) อายุ 61 ปี

3.นายอัครวัฒน์ หรือเสธหนุ่ม (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี

4. นายประสาร หรือเสธแดง (สงวนนามสกุล)  อายุ 65 ปี

5. นายนิพนธ์ (สงวนนามสกุล)  อายุ 61 ปี

6. น.ส.วราภรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี

7.นายสมศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี

 

ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา "ฉ้อโกง และฉ้อโกงประชาชน"  พร้อมของกลางเอกสารโครงการรับเหมาก่อสร้างต่างๆ จำนวน 20 โครงการ สมุดบัญชีธนาคาร 18 เล่ม บัตรเอทีเอ็มจำนวน 3 ใบ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง

 

 

กองปราบฯ รวบแก๊งอ้างมูลนิธิชัยพัฒนา หลอกลงทุน

 

 

พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า เมื่อต้นปี 2564 ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก มูลนิธิชัยพัฒนา ว่ามีกลุ่มบุคคลแอบอ้างมูลนิธิฯ จัดทำโครงการแก้มลิง ในพื้นที่ภาคอีสาน จำนวน 90 โครงการ เพื่อหลอกลวงเงินจากผู้รับเหมารายย่อยและชาวบ้าน ก่อนจะมาทราบภายหลังว่าโครงการดังกล่าวไม่มีอยู่จริง ซึ่งมีผู้ตกเป็นเหยื่อกว่า 20 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 1.5 ล้านบาท หลังรับเรื่องจึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสคนร้ายกลุ่มนี้ในทันที

 

 

กองปราบฯ รวบแก๊งอ้างมูลนิธิชัยพัฒนา หลอกลงทุน

 

 

พ.ต.อ.พรศักดิ์ ระบุว่าจากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มคนร้ายจะอ้างตัวว่าเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ และเป็นตัวแทนจากมูลนิธิฯ กำลังจัดทำโครงการ ขุดลอกหนองน้ำ เพื่อช่วยเหลือประชาชน และกำลังมีนโยบายเปิดโอกาสให้ผู้รับเหมารายย่อยได้รับงาน ซึ่งแต่ละโครงการจะมีงบประมาณสนับสนุน เป็นเงินหลัก 100-1,000 ล้านบาท หากใครสนใจเข้าร่วมโครงการ จะต้องจ่ายเงินค่าซื้อแบบโครงการจากกลุ่มผู้ต้องหา เริ่มต้นที่ราคา 17,500 บาท ไปจนถึง 90,000 บาท ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ และงบประมาณของโครงการที่จะได้รับ

 

 

กองปราบฯ รวบแก๊งอ้างมูลนิธิชัยพัฒนา หลอกลงทุน

 

 

นอกจากนี้ยังพบว่า กลุ่มผู้ต้องหามักจะใช้สถานที่ราชการเป็นสถานที่นัดประชุม เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งในแต่ละครั้งที่มีการจัดประชุม จะมีคนที่สนใจเข้าร่วมประชุมประมาณ 50-60 คน ที่ผ่านมามีการนัดประชุมมาแล้วประมาณ 4 ครั้ง

 

 

กองปราบฯ รวบแก๊งอ้างมูลนิธิชัยพัฒนา หลอกลงทุน

 

 

อย่างไรก็ตามหลัง จากมีการจ่ายเงินซื้อแบบโครงการ และร่วมทำสัญญาว่าจ้าง(MOU) แล้วนั้น กลุ่มผู้ต้องหาก็จะเริ่มตัดขาดการติดต่อก่อนเชิดเงินทั้งหมดของผู้เสียหายหนีหายไป

 

 

กองปราบฯ รวบแก๊งอ้างมูลนิธิชัยพัฒนา หลอกลงทุน

 

 

ด้าน พ.ต.ท.ภาณุมาศ กล่าวว่า จากการสอบสวนสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน พบผู้ร่วมกระทำผิดจำนวน 10 ราย มีการแบ่งหน้าที่กันทำโดยแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มนายหน้าผู้ชักชวน จำนวน 5 ราย คือนายสมชาย หรือผู้กองเป็ด, นายสุริยพันธ์ หรือผู้กองจอร์ท, นายอัครวัฒน์ หรือเสธหนุ่ม, นายประสาร หรือเสธแดง และนายนิพนธ์

 

 

กองปราบฯ รวบแก๊งอ้างมูลนิธิชัยพัฒนา หลอกลงทุน

 

 

ส่วนผู้ต้องหากลุ่มที่สอง ที่ทำหน้าที่เป็นบริษัทหน้าม้า อีกจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย นายกิตติศักดิ์ สายพรม อายุ 58 ปี, น.ส.เมตตา ขันทอง อายุ 53 ปี, น.ส.วราภรณ์ อายุ 58 ปี นายสมศักดิ์ อายุ 51 ปี นายเลิศพงศ์ ชัยวงค์เลิศ อายุ 60 ปี

 

 

กองปราบฯ รวบแก๊งอ้างมูลนิธิชัยพัฒนา หลอกลงทุน

 

 

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบประวัติทั้งหมด พบ นายประสาร กับ นายสุริยพันธ์ อดีตเคยรับราชการทหารสังกัดหนึ่งจริง ส่วนที่เหลือเป็นการแอบอ้าง จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ และติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา ได้จำนวน 7 รายดังกล่าว เหลือเพียง นายกิตติศักดิ์ กับ น.ส.เมตตา ที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี ส่วน นายเลิศพงศ์ นั้นถูกคุมตัวอยู่ในเรือนจำจากการถูกจับในคดีอื่น

 

 

กองปราบฯ รวบแก๊งอ้างมูลนิธิชัยพัฒนา หลอกลงทุน

 

 

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธ ส่วนใหญ่ซักทอด อ้างว่าเป็นการทำตามคำสั่งของนายสมชาย หรือผู้กองเป็ด โดยไม่ทราบว่าเป็นการหลอกลวงเงินชาวบ้าน เบื้องต้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ