ย้อนคดีพบศพ 'แหม่มสาวเยอรมัน' สู่คดีพบ 'ชิ้นส่วนมนุษย์' บน 'เกาะพะงัน'
สะเทือน 'เกาะพะงัน' ย้อนคดีพบศพ 'แหม่มสาวเยอรมัน' ริมทะเล ปี 52 ตำรวจคลี่คลายคดีไม่นานจับ 'ช่างสัก' สารภาพแค้นผู้ตายชอบใส่ร้าย 'เกาะพะงัน' โด่งดังอีกครั้ง เมื่อเจอ 'ชิ้นส่วนมนุษย์' ในกองขยะ
4 ส.ค. 2566 "เกาะพะงัน" จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงระดับโลก นักท่องเที่ยวต่างชาติ นิยมมา"ฟูลมูนปาร์ตี้" สร้างเม็ดเงินมหาศาล จนเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก
แต่เมื่อเกิดคดีอาชญากรรม ไม่ว่าจะฉก ชิง วิ่งราว ปล้นทรัพย์ ล่วงละเมิดทางเพศ รวมทั้งคดีฆาตกรรม บน "เกาะพะงัน" ก็จะโด่งดังไปทั่วโลกเช่นกัน เนื่องจากส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
ล่าสุด 3 ส.ค. 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะพะงัน รับแจ้งพบ "ชิ้นส่วนมนุษย์" เพศชาย ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ถูกหั่นใส่ถุงขยะสีดำ บริเวณ จุดกำจัดขยะมูลฝอย เทศบาลตำบล"เกาะพะงัน" อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี
การสืบสวนสอบสวนของตำรวจผ่านไปเพียง 1 วัน สามารถคลี่คลายคดีได้ระดับหนึ่ง ซึ่งพบผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวสเปน อายุประมาณ 40 ปี เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวมาสอบปากคำหาความเชื่อมโยง เนื่องจากชายชาวสเปน รายนี้ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะพะงัน ว่าเพื่อนของตนเองสัญชาติโคลอมเบีย ได้หายตัวไป ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องการการพบ "ชิ้นส่วนมนุษย์" ที่พบในกองขยะ
เหตุการณ์นี้ เป็นที่สนใจของสังคม อาจจะกระทบกับภาพลักษณ์ท่องเที่ยว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ต้องลงไปในพื้นที่เพื่อนตรวจสอบคุมคดีด้วยตัวเอง เพื่อคลี่คลายคดีในการนำไปสู่การจับกุมคนร้าย
ย้อนไปเมื่อปี 2552 "เกาะพะงัน" เป็นที่โด่งดังมาแล้ว เมื่อมีเหตุฆาตกรรม "แหม่มสาวเยอรมัน" จนส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว
คดีนี้เกิดขึ้นวันที่ 11 ม.ค. 2552 เวลาประมาณ 07.30 น. มีคนพบศพนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ลอยน้ำอยู่ในทะเลอ่าวไทย บริเวณชายฝั่งอ่าวในวก ม.1 ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นางแอสทริล อัน อัสซาด ชาวาเนอร์ อายุ 46 ปี "แหม่มสาวเยอรมัน" นอนหงายเสียชีวิตอยู่ริมหาด สภาพลำตัวท่อนบนเปลือยเปล่า นุ่งกางเกงยีนส์ ขายาว สีน้ำเงิน มีร่องรอยบาดแผลที่ลำคอ ใบหน้า และมือขวา
จากการสืบสวนขณะนั้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนางแอสทริล ผู้ตายเดินออกจากงานปาร์ตี้ ขณะเดินอยู่ที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ท่าเรือเฟอร์รี่ แล้วคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา ได้รับผู้ตายไปนั่งริมทะเล "เกาะพะงัน" ที่เกิดเหตุ จนมาพบศพรุ่งเช้าอีกวัน
คดีนี้ตำรวจใช้เวลาคลี่คลายคดีไม่นานจนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายคือ นายทิวัตถ์ หรือ "อู๊ด" เกษมโภค อายุ 29 ปี ช่างสักลายและเพนต์ตัวแห่งร้าน TATTOO บน "เกาะพะงัน"
คดีนี้การตายของ "แหม่มสาวเยอรมัน" บน "เกาะพะงัน" ดูเผินๆ เหมือนกับถูกข่มขืนจากพวกขาจร หรือไม่ก็ลูกเรือประมง แต่ทว่าน่าแปลกใจตรงที่คนร้ายไม่ยอมแตะต้องทรัพย์สินในตัวผู้ตายแม้แต่ชิ้นเดียว เครื่องประดับ อาทิ สร้อยข้อมือ แหวนและเงินสดยังอยู่ครบ ผิดวิสัยโจรทั่วไป
ตามแนวทางสืบสวนเจ้าหน้าที่ทราบมาว่า นางแอสทริก "แหม่มสาวเยอรมัน" เดินทางมาเที่ยวที่ "เกาะพะงัน"ตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค. 2551 เช่าบ้านชื่อกัลยาณีโฮม ตั้งอยู่หน้าที่ว่าการอำเภอเกาะพะงัน พักอาศัยอยู่เพียงคนเดียว ซึ่งเจ้าของบ้านเช่าให้เบาะแสว่า ผู้ตายมีนิสัยร่าเริง ชอบทะเล ต้นไม้และธรรมชาติที่เกาะพะงัน เดินทางมาเที่ยวเกาะพะงันทุกปี ในแต่ละครั้งจะมาพักนานประมาณ 3-4 เดือน ครั้งนี้ผู้ตายมาพักได้ครบ 1 เดือนพอดีก่อนจะถูกฆ่าตาย
ขณะเดียวกันตำรวจก็ได้รับรายงานผลการชันสูตรพลิกศพจากแพทย์ยืนยันว่า จากการผ่าพิสูจน์ไม่พบว่ามีน้ำในปอด นั่นแสดงว่าผู้ตายไม่ได้เสียชีวิตเพราะจมน้ำ อวัยวะเพศก็ไม่มีร่องรอยการข่มขืน แต่ที่บริเวณลำคอมีรอยแดงช้ำคล้ายถูกบีบรัด สาเหตุการตายจึงน่าจะมาจากการถูกบีบรัดคอจนขาดอากาศหายใจ แสดงว่า "แหม่มสาวเยอรมัน" ไม่ได้ถูกฆ่าตรงจุดที่พบศพ
ตำรวจพยายามคลี่คลายคดีนี้กระทั่งพบว่าก่อนตาย นางแอสทริก ไปนั่งดื่มกินที่ร้านรับสัก TATTOO ที่นายทิวิตต์ ผู้ต้องหาทำงานอยู่ ซึ่งที่นั่นมีการจัดฟูลมูนปาร์ตี้กัน มีนักท่องเที่ยวเข้ามานั่งที่ร้านประมาณ 20-30 คน โดยก่อนหน้านี้ "แหม่มสาวเยอรมัน" แอบชอบนายทิวิตต์ มานานแล้ว แต่ฝ่ายชายไม่ค่อยชอบนิสัยเพราะนางแอสทริก มักจะคอยพูดให้ร้ายเสมอ และที่สำคัญมีพยานเห็นนายทิวิตต์ พานางแอสทริก ขึ้นรถกระบะขับหายไป ก่อนที่จะมาพบศพริมทะเล "เกาะพะงัน" จนนำไปสู่การจับกุมนายทิวิตต์
เขายอมรับสารภาพอ้างว่า คืนเกิดเหตุที่ร้านจัดปาร์ตี้เล็กๆ ได้ชวนเพื่อนชาวต่างชาติมาร่วมงาน รวมทั้ง "แหม่มสาวเยอรมัน" ก็มาร่วมงานด้วย โดยปกติแล้วผู้ตายก็จะมาเที่ยวที่ร้านประจำ เพราะหลงรักตนเอง แต่ตนไม่สนใจ ในคืนเกิดเหตุผู้ตายได้พูดใส่ร้ายให้เพื่อนชาวต่างชาติด้วยกันฟัง ว่าตนเป็นคนนิสัยไม่ดี ทำให้กลุ่มเพื่อนชาวต่างชาติเข้าใจผิด
นายทิวิตต์ ให้การอีกว่า พฤติกรรมของนางแอสทริก ทำให้โกรธแค้นมาก ประกอบกับก่อนหน้านี้ "แหม่มสาวเยอรมัน" ก็เคยพูดกับแฟนสาวของตนเองจนทำให้แฟนสาวบอกเลิกกับตนมาแล้ว จึงวางแผนชวนผู้ตายนั่งรถกระบะออกจากร้านเพื่อไปดื่มกันสองต่อสอง และพาผู้ตายไปในสวนมะพร้าวห่างจากร้านประมาณ 1 กิโลเมตร
เมื่อถึงที่เกิดเหตุผู้ตายคิดว่าจะขอมีเพศสัมพันธ์ จึงถอดเสื้อออก สบโอกาสจึงกระโดดทับ ก่อนลงมือบีบคอจนขาดอากาศหายใจ หลังจากนั้นจึงนำร่างผู้ตายไปโยนทิ้งทะเล "เกาะพะงัน" และไปแวะซื้อน้ำมันก๊าดมาเผาเสื้อผู้ตาย ก่อนกลับไปนั่งดื่มต่อที่ร้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งมาถูกตำรวจจับกุม