ลุ้น 4 นายพล แคนดิเดต 'ผบ.ตร.' คนที่ 14 ก่อนสิ้นเดือนสิงหาคม นี้
เปิดผลงาน 4 นายพล แคนดิเดต 'ผบ.ตร.คนใหม่' ลุ้น นายกรัฐมตรี เคาะก่อนสิ้นเดือนสิงหาคม นี้ ท่ามกลางการเมืองร้อนแรง
27 ก.ค. 2566 การเมืองก็ยังเข้มข้นยังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ขณะที่วงการสีกากี ก็ต้องรอลุ้นใครจะผงาด ได้นั่งเป็น ผบ.ตร. คนที่ 14 หลังจากที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จะเกษียณในปีนี้
แน่นอนว่าภายในเดือนสิงหาคม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ จะเป็นคนกำชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ เข้าที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานในการประชุม
ส่วนใครจะนั่งแท่น ผบ.ตร.คนใหม่ ขณะนี้มีบรรดานายพลตำรวจเป็นแคนดิเดตโดดเด่น 4 นาย คือ
1. "รองรอย" พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. (นรต.40) เกษียณอายุราชการ ปี 2567
2. "รองโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. (นรต.47) เกษียณอายุราชการ ปี 2574
3. "รองต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร์ รอง ผบ.ตร.(นรต.41) เกษียณอายุราชการ ปี 2569
4. "รองต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. บรรจุเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรรุ่น 4 เกษียณอายุราชการ ปี 2567
สำหรับชีวิตรับราชการแต่ 4 แคนดิเดต ผบ.ตร. คนใหม่นั้น แต่ละท่านไม่ธรรมดา
1."รองรอย" พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ถือว่าเป็นรอง ผบ.ตร. อาวุโสอันดับ 1 โดยจะเกษียณอายุราชการในปี 2567
สำหรับประวัติ "พล.ต.อ.รอย" เกิดวันที่ 6 ส.ค. 2507 ปัจจุบันอายุ 59 ปี ชาวจังหวัดกรุงเทพฯ จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 40 นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 24
ตลอดชีวิตราชการของ พล.ต.อ.รอย นับว่าเป็นตำรวจที่มีความรู้ความสามารถ เป็นที่ไว้วางใจของผู้บังคับบัญชา และถือว่าไม่มีประวัติด่างพร้อย โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับอบายมุข
พล.ต.อ.รอย เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 24 นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 40 ถือเป็นตำรวจอนาคตไกล
พล.ต.อ.รอย เริ่มรับราชการครั้งแรกในตำแหน่งรอง สว.บก.ป. ก่อนโยกเป็นรอง สว.บช.ส., สว.กก.5 กองตำรวจสันติบาล1 นว.(สบ 3) รองผบ.ตร. (พล.ต.อ.วีระ วิสุทธิคุณ) ติดยศ พ.ต.อ.ในตำแหน่ง ผกก.7 บก.ทล. สไลด์เป็น ผกก.2 บก.ทล. ขึ้นรองผบก.ในตำแหน่ง รอง ผบก.ทล. ก่อนโยกเป็น รอง ผบก.สบพ.และรอง ผบก.ฝรก.
ติดยศ พล.ต.ต.ในตำแหน่ง ผบก.ตม.3 ก่อนโยกเป็น ผบก.ทท. ปี 2556 เลื่อนเป็น รอง ผบช.ก. ได้รับความไว้วางใจให้ รักษาการ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.(ทำหน้าที่ประสานงานสำนักนายกรัฐมนตรีและมหาดไทย) ก่อนเลื่อนเป็น ผบช.ส. เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2558 ถือนายตำรวจระดับ ผบช.ที่อายุน้อย
แต่กระนั้น หลังนั่งเก้าอี้ ผบช.ส.ได้เพียงเดือนกว่า พล.ต.อ.รอย เจอมรสุมลูกใหญ่ ถูก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. (ขณะนั้น) มีคำสั่งย้ายขาดให้ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.ปีถัดมาถูกโยกเป็น ผบช.ศ. ซึ่งในแวดวงสีกากี ถือว่าเป็นการลดเกรด
ต่อมาวันที่ 1 ต.ค. 2561 จึงได้ขยับขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. และขยับเป็น พล.ต.อ. ปี 2564
2. "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ถือว่าเป็นแมว 9 ชีวิต หลังจากถูกย้ายพ้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วัน 9 เม.ย. 2563 ร่วม 2 ปี ออกนอกเส้นทางสีกากี ไปนั่งเก้าอี้ ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมนตรี (นักบริหารระดับสูง) ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ย้ายกลับคืนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เกิดเมื่อ 29 ต.ค. 2513 ชาวจังหวัดสงขลา ปัจจุบันอายุ 53 ปี เข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) รุ่นที่ 31 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 47 และยังเป็นประธานรุ่นนรต.47
เส้นทางชีวิตราชการ เริ่มจาก ร.ต.ต.สุรเชษฐ์ เป็นรองสารวัตร ตั้งแต่ 1 ก.พ. 2537 เป็นรองสารวัตรได้ 6 ปี 1 เดือน ได้ขึ้นเป็นสารวัตร เป็นสารวัตรได้ 4 ปี 8 เดือน ขยับเป็นรองผู้กำกับการ เป็นรองผู้กำกับการอยู่ 4 ปี ขยับเป็นผู้กำกับการ ติดยศ พ.ต.อ.
ช่วงที่ติดยศ พ.ต.อ. ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่จังหวัดสงขลา กระทั่งได้ขึ้นเป็นผู้บังคับการติดยศ พล.ต.ต. ด้วยวัยเพียงไม่ถึง 45 ปี
ในยุคของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เป็นผบ.ตร. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เป็นผู้บังคับการ ประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าประสานนายกรัฐมนตรี โดย ทำหน้าที่นายตำรวจประสานงานใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ บิ๊กป้อม รองนายกรัฐมนตรี คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ในตอนนั้น) จากนั้นไม่นาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ขยับเป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ในปีเดียวกัน( 2558)
ปี 2559 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ขยับเป็น ผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏฺิบัติการพิเศษ 191 จนมาถึงปี 2560 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้รับการเสนอชื่อจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา (ผบ.ตร.ขณะนั้น) ขึ้นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และโยกมานั่งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว
ในที่สุดขยับผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นผู้บัญชาการอายุน้อย ติดยศ พล.ต.ท. ด้วยวัยเพียง 48 ปี
ในห้วงระหว่างปี 2558-2562 "บิ๊กโจ๊ก" ขึ้นชื่อว่ามีบทบาทอย่างมาก ในแวดวงคนมีสี ต่างรู้กันดีว่า "บิ๊กโจ๊ก" คือนายตำรวจผู้ใกล้ชิด "บิ๊กป้อม" เป็นนายตำรวจผู้มากบารมี เป็นคีย์แมนของ บิ๊กป้อม อ้างว่ามีบทบาทสำคัญในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจทั่วประเทศ
3. "รองต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร์ รอง ผบ.ตร. เกิดวันที่ 8 ธ.ค. 2508 ชาวจังหวัดราชบุรี จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 41 นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25
ประวัติการรับราชการที่สำคัญ เป็น รอง สว.สอบสวน สภอ.เมืองระยอง จ.ระยอง , รอง สว.สืบสวน สภอ.เมืองระยอง , รอง สว.งาน 3 กก.สส.ภาค1 , สว.สอบสวน สภ.อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ, นว.(สบ1) ผบช.ภ.1, ผู้ช่วย นว.(สบ2) ผู้ช่วย ผบ.ตร., นว.(สบ3) ผู้ช่วย ผบ.ตร., รอง ผกก. ป., ผกก.6 ทล., ผกก.8 บก.ทล., ผกก.6 บก.รน., ผกก.3 บก.ทท., รอง ผบก.ทล., รอง ผบก.ปคม., ลก.ตร.(สบ6), ผบก.ส.1, รอง จตร(สบ7) จต., รอง ผบช.สกพ. ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร., ผบช.ภ.8, ผู้ช่วย ผบ.ตร. , รอง ผบ.ตร. เป็นอีกหนึ่งท่านที่ไม่คอยออกสื่อเท่าไหร่ แต่ก็ติดโผชิงตำแหน่ง ผบ.ตร.
4. "บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. เจ้าของฉายา "โรคอปสายบุญ" เกิดเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2507 ปัจจุบันอายุ 59 ปี เป็นชาวจังหวัดเพชรบุรี และเป็นน้องชายของ พลอากาศเอกสถิตย์พงษ์ สุขมิมล ราชเลขานุการในพระองค์และเลขาธิการพระราชวัง
เส้นทางก่อนเป็นตำรวจ หลังเรียนจบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้เข้าทำงานเป็นพนักงาน ในบริษัท น้ำมันคาลเท็กซ์ ทำอยู่ได้ 7 ปี จึงตัดสินใจลาออก เพื่อเดินตามความฝันคือการรับราชการตำรวจ
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ บรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอต.) รุ่นที่ 4 จนได้สวมเครื่องแบบตำรวจอย่างที่ตั้งใจไว้
สำหรับเส้นทางการเป็นตำรวจของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เริ่มทำงานเส้นทางตำรวจตั้งแต่ปี 2540 ดำรงตำแหน่งเป็นรองสารวัตร กองกำกับสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 เป็นเวลา 2 ปี
ขณะติดยศ ร.ต.ท. ได้ไปเรียนที่โรงเรียนสืบสวนที่วิทยาลัยการตำรวจ และได้ดำรงตำแหน่งรองสารวัตร อยู่ในสังกัดกองปราบปราม เป็นเวลา 17 ปี
จากนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้ขึ้นเป็น สารวัตร ที่ตำรวจท่องเที่ยว อยู่สถานี 3 กองกำกับการ กระทั่งได้ขึ้นเป็นรองผู้การที่กองปราบปราม ดูแลกองกำกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะนั้นดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สายามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ขณะนั้นดำรงพระอิสริยยศ เป็นพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรฯ และทำหน้าที่ชุดอารักขาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ
ต่อมา วันที่ 27 ม.ค. 2562 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปลี่ยนชื่อกองบังคับการถวายความปลอดภัยและปฏิบัติการพิเศษ เป็นกองบังคับตำรวจหมาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904
วันที่ 27 เม.ย. 2562 มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904
เดือน ก.ย. 2562 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็น รองผบช.ก. ต่อมาเลื่นขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
กระทั่งวันที่ 1 ต.ค. 2564 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น ผู้ช่วยบัญชาการตำรวจแห่งชาติ และวันที่ 1 ต.ค. 2565 ได้เลื่อนขึ้นเป็น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ระหว่างการปฏิบัติราชการตำรวจ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้รับฉายามากมาย ทั้ง "มือปราบสายธรรมะ" หรือฉายา "โรโบคอปสายบุญ" เนื่องมาจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ด้วยภาพลักษณ์ของนักบู๊และนักบุญ เดินทางสายบุญและสายบู๊คู่ขนาน
อย่างไรก็ตามก่อนสิ้นเดือนสิงหาคม นี้ ที่ประชุม คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จะต้องมีการคัดเลือก ผบ.ตร. คนใหม่ ให้แล้วเสร็จ ก่อนที่จะ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ จะเกษียณราชการในปีนี้
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยู่ในช่วงรักษาการ โดยนายกรัฐมนตรี จะเป็นคนพิจารณาคัดเลือกว่าแคนดิเดต ทั้ง 4 นาย ใครจะเป็น "ผบ.ตร." คนต่อไปรอลุ้นไม่แพ้กับกับการจัดตั้งรัฐบาล