เพจดังเตือนภัย 'พัสดุ' ปริศนา 25 ซอง ส่งถึงหน้าบ้านทั้งที่ไม่ได้สั่ง

24 ก.ค. 2566  ปัจจุบันชอปปิงออนไลน์ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเดินทางผจญกับปัญหาการจราจร เรียกได้ว่าอยู่ที่ไหนก็ชอปได้ แต่ปัญหาหนึ่งที่สายเอฟ มักเจอปัญหาก็คือ ได้สินค้าไม่ตรงปกภาพที่ทางร้านนำมาโชว์ กับสินค้าที่ส่งมาให้เป็นคนละชนิด บางรายโชคร้ายเจอมิจฉาชีพส่งสินค้าคนละชนิดมาให้ เป็นเรื่องราวเป็นคดีกันหลายราย 

 

นอกจากนี้ ยังมีมิจฉาชีพอีกรูปแบบที่ส่งสินค้ามาถึงหน้าบ้าน ไม่ใช่ส่งผิด แต่ตั้งใจส่งมาทำเอาถึงกับงงเพราะสินค้าเหล่านั้น ไม่ได้สั่ง เพจ DroidSans  ซึ่งเป็นเพจเกี่ยวกับ ข่าวสาร รีวิว เกร็ดความรู้ ด้านเทคโนโลยีฯ โพสต์ข้อความเตือนภัยพัสดุปริศนา ที่ส่งมาถึงหน้าบ้าน ทั้งๆ ที่ไม่ได้สั่ง โดยระบุว่า พัสดุที่ส่งมานั้นมีการเขียนระบุชื่อคนสั่ง และที่อยู่ได้อย่างถูกต้อง ทั้งที่ไม่ได้สั่ง และไม่มีการเรียกเก็บเงินแต่อย่างใด  โดยได้เรียงไทม์ไลน์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ดังนี้ 

 

 

 

 

 

- พฤหัสบดี ที่ 6 ก.ค. 2566 

ได้รับพัสดุปริศนาเป็นซองสีขาว 1 ซอง พร้อมจ่าหน้าเลขพัสดุของ แอปชอปปิ้งออนไลน์ชื่อดัง โดยมีหมายเลขคำสั่งซื้อ  ขึ้นต้นด้วย Order No.7189994468xxxxx  โดยข้อมูลผู้ส่งมาจากบริษัท ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ชื่อที่อยู่ผู้รับตรงกับผู้รับทุกอย่าง เช่น ชื่อ บ้านเลขที่ เบอร์โทรศัพท์  แต่ในช่วงนั้นผู้รับไม่ได้สั่งของจากแอปดังกล่าว  ส่วนด้านหลังมีการระบุ Non – COD แบบไม่เก็บเงินปลายทาง พร้อมชื่อสินค้าตั้งแต่ ถุงเท้า, สติกเกอร์ติดเล็บเท้า, รถไฟมังกร, แก๊สป้องกันหมอหุงข้าว, ที่วางสบู่ สารพัดสิ่งมาก แต่เมื่อเปิดดูภายในกลับเป็นปากกาเมจิกสีดำ 1 แท่ง

 

ซึ่งในวันนี้ก็คิดว่าเป็นการส่งผิดธรรมดา โทรไปแจ้งขนส่งให้มารับกลับ เพราะคิดว่าส่งผิด พนักงานก็แจ้งว่าถูกแล้ว ยังไงก็จะไม่มารับกลับและให้เก็บสินค้าเอาไว้เลย ไม่ต้องคืนเพราะเป็นแบบ Non – COD จึงจำใจต้องเก็บของชิ้นนี้เอาไว้แบบงง ๆ

 

- ศุกร์ที่ 7 ก.ค. 2566

เรื่องประหลาดนี้ก็เกิดขึ้นซ้ำอีก แต่เริ่มมีความผิดปกติมากขึ้น เมื่อขนส่งได้นำส่งมาเพิ่มอีก 12 ซอง โดยรูปการณ์ยังคล้ายเดิมคือ จ่าหน้าถึงผู้รับได้อย่างถูกต้องทั้งชื่อ ที่อยู่ ส่วนชื่อร้านค้ามีการเปลี่ยนแปลงไปทั้ง 12 ซอง ไม่มีชื่อซ้ำกันเลยแม้แต่ชื่อเดียว และชื่อร้านก็ไม่ใช่ชื่อร้านจริงๆ บางร้านเป็นชื่อร้านที่ระบบสร้างขึ้นมาให้ แต่พอไปค้นหาร้านค้าในระบบก็หาร้านนั้นๆไม่เจอ 

 

วันนี้เริ่มคิดว่าเหตุการณ์ผิดปกติมากๆ  และรู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงได้ลองโทรหาทางแอปดัง 2 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งทาง Call Center  ก็ให้คำตอบที่แตกต่างกันออกไป

 

 

 

 

ครั้งแรก Call Center ไม่รับเรื่องเพิ่มเติม แค่บอกว่าไม่เป็นไร ไม่ได้มีการจ่ายเงิน หรือหลอกให้จ่ายเงินเกิดขึ้น คำสั่งซื้อมาจากอีเมลมั่ว ๆ แบบตัดผ่านบัตร เลยแนะนำให้เก็บของไว้ กรณีหากมีคนจะตามคืน เขาจะให้ทางขนส่งเข้าไปรับอีกที หรืออีกกรณีเนื่องจากสินค้าได้รับการชำระเงินแล้ว สามารถเก็บไว้หรือทำลายทิ้งได้เลย คิดซะว่าได้ของฟรี ซึ่งผู้รับไม่พอใจกับคำตอบนี้สักเท่าไหร่ จึงโทรเข้าคอลเซนเตอร์อีกครั้ง

 

ครั้งสอง Call Center ดูกระตือรือร้นกว่าครั้งแรก แจ้งให้เราส่งหลักฐานให้ทีมงานเพิ่มเติม เพื่อทำการตรวจสอบ เราก็ทำการส่งข้อมูลทั้งหมดที่มีให้ และทางบริษัทก็ขอเวลาในการตรวจสอบ

- วันเสาร์ที่ 8 ก.ค. 2566 

การส่งที่ไม่ได้สั่งยังไม่จบแค่วันที่ 2 แต่มีมาส่งเพิ่มอีก 12 ซอง ลักษณะเช่นเดิมเป๊ะ ทำให้เราได้รับรวมกันทั้งสิ้นเป็นจำนวน 25 ซอง  ผู้รับจึงได้โทรหาพนักงานอีกครั้ง เพื่อรีเช็คว่าคำสั่งซื้อมาจากอีเมลมั่ว ๆ คือเมลอะไร กับแจ้งเรื่องทำไมผู้ส่งถึงมีที่อยู่ออฟฟิศ และทำไมสินค้าที่ส่งกับของข้างในไม่ตรงกัน อันนี้เจ้าหน้าที่รับเรื่อง แจ้งว่า หากเกิดเหตุการณ์ครั้งที่ 3 ที่มีการส่ง เราสามารถปฏิเสธการรับและขอถ่ายรูปไว้ และให้ติดต่อมาทางบริษัทอีกครั้ง

บอกตามตรงว่า วันนี้ทำให้เริ่มรู้สึกหลอนกับของที่มาส่งว่าเกิดอะไรขึ้น จึงเริ่มโทรหาเพื่อนเพื่อสอบถามว่าเคยมีใครโดนแบบนี้มั้ย แต่เพื่อนๆ รอบตัวไม่มีใครให้คำตอบได้ ต่างบอกให้ทิ้งไป และถ้าหากเป็นการรับของโจรมาจะทำยังไง บ้างก็ให้โทรถามหาเจ้าหน้าที่ทางแอปดังเพื่อเคลียร์พัสดุนี้ว่าตกค้างหรือเปล่า แต่ก็เริ่มสงสัยว่าโดนคนเดียวหรือมีคนอื่นก็เคยโดนเหมือนกันมั้ย?

 

จากการที่ไปลองค้น google ก็พบว่าเฮ้ย คนโดนเยอะมากเลยนี่หว่า ในกระทู้ pantip ไม่ใช่แค่เราคนเดียว แถมเรื่องราวแบบนี้มีมานานมากแล้วด้วย แต่เหมือนเรื่องจะแดงขึ้นเยอะในช่วงปี 2564 แต่เป็นกรณีของมิจฉาชีพส่งของมาให้เราเก็บเงินปลายทางมีตั้งแต่ราคาหลัก 100 ไปจนถึงหลัก 1,000 จนข่าวหลายสำนักต้องออกมา เตือนภัยกลโกงใหม่ของมิจฉาชีพ เลยทีเดียว 

 

แต่ในปัจจุบันการส่งพัสดุไม่ได้เก็บเงินปลายทางแล้ว ส่วนของข้างในบ้างก็เป็นปากกา ลูกอม และขยะ เป็นต้น แต่มีคอมเมนต์หนึ่งน่าสนใจมาก 

 

เขาเล่าว่า "มิจฉาชีพทำได้หลายรูปแบบ เขาขายที่อยู่กันในกลุ่มมิจฉาชีพแล้วเขาก็สร้างสมาชิกคนขาย สร้างสมาชิกคนซื้อ ส่งของมาที่อยู่เรา ถ้าแบบเก็บเงินปลายทางก็คือโกงซึ่งหน้าได้เงินมาก กับสินค้าขยะ ถ้าไม่เก็บเงินปลายทาง ก็ต้องการอาศัยเลข tracking เพื่อระบุว่าสินค้าถึงมือแล้ว เพื่อเบิกเงินไป โดยจะส่งของที่ไม่ตรงกับสินค้ามาให้ก่อน ทำให้เราเผลอกดรับสินค้าทั้งที่สินค้าไม่ตรง ถ้าเรายังไม่กดรับ เขาจะส่งขยะตามหลังมาให้ " จากกระทู้พันทิป

 

 

 

 

ผู้โพสต์ ยังระบุว่า เคสนี้ก็ยังไม่ตรงกับของเราซะทีเดียว แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจว่ามิจฉาชีพกลุ่มนี้เขามีข้อมูลส่วนตัวของเราไปซื้อขายแลกเปลี่ยนกันสบายเลยเหรอ  และเมื่อขุดค้นไปอีก โดยเมื่อปี 2561 มีข่าว ตำรวจทลายถึงโกดัง! จับแก๊งจีนส่งของ เก็บเงินปลายทาง จากข้อมูลของเว็บข่าว  ข่าวนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องสแกมส่งของเก็บเงินปลายทางเป็นหลัก แต่ก็มีส่วนที่น่าสนใจว่าชื่อที่อยู่ของเราเป็นไปได้ว่าจะซื้อมาจากฐานข้อมูลลูกค้าบริษัทส่งของ โดยสินค้าทั้งหมดถูกส่งเข้ามาจากประเทศจีนโดยตรง
ต่อมาทางแอปดังกล่าวโทรกลับมาแจ้ง ปิดบัญชีเรียบร้อย

 

จากที่โทรไปคอลเซนเตอร์รอบที่สอง และส่งข้อมูลไปให้เพิ่มเติม เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลและโทรมาแจ้งวันจันทร์ที่ 10 ว่าได้ทำการปิดร้านต่างๆ ตามที่ได้แจ้งไปเรียบร้อย แต่ไม่ได้บอกถึงที่มาว่าร้านเหล่านั้นไปได้ข้อมูล ชื่อ ที่อยู่ ของเรามาจากไหนอย่างไร แค่ปิดบัญชี ปิดร้านให้เท่านั้น
แต่… มันก็จบแบบนี้หรอ มันยังมีคำถามที่ค้างคาอยู่มากมาย

1) ถ้าเราไม่ได้สั่งของในแอป ก็ไม่น่าจะมีออเดอร์ขึ้นในตระกร้าสินค้า แต่ทำไมถึงมีของมาส่งผ่านแอปดังกล่าว ได้

2) ชื่อ ที่อยู่ของเราไปอยู่ในมือของร้านค้าเหล่านี้ได้อย่างไร?

3) ข้อมูลส่วนบุคคลของเราปลอดภัยแค่ไหน?

4) นี่คือการปั่นยอดของร้านค้าออนไลน์แบบใหม่?

5) ใครเป็นคนรับผิดชอบเหตุการณ์นี้ หรือมันก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ ที่แพลตฟอร์มไม่แคร์ ?

6) ถ้าบริษัทส่งทำข้อมูลหลุด ลาซาด้า และช้อปปี้จะช่วยจัดการเรื่องนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ?

และแน่นอนว่าคำถามเหล่านี้ไม่มีใครให้คำตอบได้อย่างชัดเจน และได้ทำการค้นข้อมูลพบว่ามีเคสแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง เป็นระยะเวลาหลายปีจนถึงปัจจุบัน ผ่านช่องทางชอปปิงออนไลน์ แต่ทำไมแอปขายสินค้าชื่อดัง ยังคงนิ่งนอนใจ มัวทำอะไรอยู่ ปล่อยให้คนจำนวนมากเสี่ยงข้อมูลหลุด มิหนำซ้ำบางคนทักไปสอบถามแต่ไม่ตอบ แชทถามไม่ได้ โทรไม่ติด

 

สรุป

เรื่องราวในครั้งนี้ก็ยังคงทำให้เราคลางแคลงใจอยู่ดี เพราะสุดท้ายเราไม่สามารถป้องกันตัวเองจากการรับของที่ไม่ได้สั่งได้ แล้วก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา เป็นความผิดพลาดของใคร หรือแท้จริงมิจฉาชีพหาช่องโหว่เพื่อมาฉกฉวยโอกาส?  ….ไม่มีใครให้คำตอบได้

ทางเราหวังว่าบทความนี้จะกระตุ้นให้แพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ออกมาให้ความชัดเจนกับลูกค้ามากขึ้น รวมไปถึงความปลอดภัยที่เราควรได้รับอยู่แล้วตั้งแต่ต้น เพราะเรื่องแบบนี้ ถ้าไม่มีใครออกมาแก้ไขก็จะเกิดขึ้นวนไปแบบไม่รู้จบ 

ถ้าหากเพื่อน ๆ เจอเหตุการณ์แบบนี้แล้วจะทำอย่างไร หรือใครโดนมาแล้วบ้างสามารถแชร์ประสบการณ์ใต้คอมเมนต์ให้เราฟังได้นะ

 

 

 

ที่มา เพจ DroidSans